มีชัย เตือน! รัฐบาลหน้า หากไม่ทำตามยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี เข้าข่ายทำผิดรธน.

“มีชัย” ถก กม.ยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ รบ.หน้าไม่ทำ ส่อผิด รธน. แย้ม แก้ไขได้แต่ต้องถาม ปชช.ก่อน เชื่อ คสช. ดูเวลาเหมาะสมปลดล๊อคพรรคการเมืองทำกิจกรรม

วันนี้ (30 พ.ย.) ที่โรงแรมเอบิน่า เฮ้าส์ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือกับ คสช.เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ณ ขณะนี้ได้มีการหารือถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนจะเข้าหารือกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในนามกฤษฏีกาด้วย ทั้งนี้หลังจากร่างรัฐธรรมนูญถูกประกาศใช้แล้ว กฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำยุทธศาสตร์และกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำการปฏิรูปนั้น ก็จะต้องออกมาภายในระยะเวลา 120 วันเช่นกัน ดังนั้น คงต้องรีบจัดทำให้เสร็จ และจากนั้นก็จะนำไปสู่การมียุทธศาสตร์และวิธีการปฏิรูปภายในระยะเวลา 1 ปี ส่วนที่ฝ่ายการเมืองกลัวกันว่ายุทธศาสตร์ชาติจะไปบังคับการทำงานของรัฐบาลหลังจากนี้นั้น คิดว่าเวลาเขียนวิธีจัดทำกฎหมายต่างๆ รัฐบาลจะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และต้องคำนึงถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ยุทธศาสตร์ชาติก็เปรียบเสมือนกับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาถูกทอดทิ้งพอสมควร เวลาจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ถ้าหากรัฐบาลถัดๆมาไม่ทำตามก็เท่ากับว่าเสียของ ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อยู่เรื่อยๆ

“ยุทธศาสตร์ที่กำลังจะถูกกำหนดขึ้นมาใหม่นั้นจะเป็นยุทธศาสตร์ระยะเวลายาวถึง 20 ปี เพื่อกำหนดว่าอนาคตของประเทศไทยข้างหน้า จะมีหน้าตาจะเป็นอย่างไร การกำหนดยุทธศาสตร์ไม่ได้คิดขึ้นมาได้เองแต่เกิดจากแม่น้ำสายต่างๆอาทิ สปท. สนช. ได้ไปรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆมา แล้วนำมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์อนาคต สมมติว่า รัฐบาลนี้มีแผนกำหนดว่าประเทศไทยวันข้างหน้าต้องเป็นแบบ 4.0 แต่พอรัฐบาลใหม่มา เขากลับกำหนดว่า ไม่เอา กลับไปขี่เกวียนดีกว่า เอาแค่ 1.0 พอ เขาก็ต้องไปทำกระบวนการถามความเห็นชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านเขาเห็นด้วยว่าขี่เกวียน จะได้ไม่เหม็นน้ำมัน รัฐบาลก็ต้องไปปรับยุทธศาสตร์ว่าให้ขี่เกวียนแทน แล้วถ้าชาวบ้านเอาก็ไม่มีใครเขาห้าม นี่เป็นกระบวนวิธีการ ไม่มีบทลงโทษ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามยุทธศาสตร์ เขาก็จะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แม้กฎหมายจะไม่มีโทษอะไร แต่ในรัฐธรรมนูญก็ได้กำหนดโทษของการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เว้นแต่ว่ารัฐบาลนั้นได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ชาติโดยผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนมาก่อน”นายมีชัย กล่าว

เมื่อถามถึงขั้นตอนและกำหนดการเวลาจัดทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ นายมีชัย กล่าวว่า กรธ.ได้ทำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระวัง ไม่ควรออกกฎหมายมารวดเดียว เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะดูเหมือนว่าเป็นการกลั่นแกล้งพรรคการเมือง ส่วนเรื่องการปลดล๊อคให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น ไม่ใช้เรื่องของกรธ. แต่ขึ้นอยู่กับ คสช.และรัฐบาลจะเป็นผู้ปลดล๊อคให้ ดังนั้นกรธ.ก็ต้องนึกถึงเขาว่าจะมีกำหนดเวลาทำงานได้เมื่อไร จะสามารถทำงานได้นานเท่าไรด้วย ถ้ากำหนดระเวลาสั้นไป เขาคงลำบาก

Advertisement

เมื่อถามต่อถึงความเห็นการปลดล๊อคห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองว่าควรจะกำหนดให้ทำได้หลังจาก พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งออกมาครบทั้ง 4 ฉบับ อาจจะมีปัญหาได้ เพราะจะเข้าสู่ระยะเวลาการเลือกตั้งภายใน 150 วันแล้ว นายมีชัย กล่าวว่า พ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับคงออกมาพรวดเดียวไม่ได้ คงต้องออกมา 2 ฉบับก่อน คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองและว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากนั้น จึงจะรู้ว่าควรจะต้องใช้เวลากี่วัน แล้ว กรธ.ก็จะคำนวนเวลาที่จะต้องออก พ.ร.บ.อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ที่มา ส.ว. ทั้งนี้ตนเชื่อว่าทางรัฐบาลและ คสช.นั้นคงจะดูแลในเรื่องกำหนดเวลาที่เหมาะสมตรงนี้อยู่แล้ว คงจะไม่เกิดปัญหาตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังพูดในวันนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อส่งร่าง พ.ร.บ.ไปให้ สนช.พิจารณาแล้ว สนช.จะแก้อย่างไรบ้าง หากเมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะมีการปรับกำหนดเวลาที่เหมาะสมกันอีกทีหนึ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image