วุ่นแต่เช้า! สภาถก กม.การศึกษา องค์ประชุมร่อแร่ ‘ส.ส.-ส.ว.’ สาดน้ำลายโทษทำสภาล่ม
ประชุมร่วมรัฐสภา ถก กม.การศึกษาฯอลเวงแต่เช้า องค์ประชุมร่อแร่ ‘ส.ส.-ส.ว.’ สาดน้ำลายใส่กัน โทษทำสภาล่ม ส.ว.ยันขยันเข้าประชุม ไม่เคยต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง ด้านฝ่ายค้านซัด อย่าโยนชั่วใส่คนอื่น แนะเอาข้อมูลมากาง ใครทำงานมากกว่ากัน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว พิจารณาต่อจากครั้งที่ผ่านมา จนเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง นายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้มีสมาชิกรัฐสภาที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้คือ 674 คน องค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งคือ 337 คน ขณะนี้มีสมาชิกรัฐสภาลงชื่อแล้ว 340 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จึงขอเปิดประชุมตามระเบียบวาระ
ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ได้ลุกขึ้นหารือว่า หลายครั้งที่ประชาชนรู้สึกคับข้องใจและอิดหนาระอาใจ คือสภาล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ตนไม่มีสิทธิก้าวล่วง แต่มีหลายครั้งที่ประชุมร่วมรัฐสภาล่ม ทั้งที่ประกอบไปด้วย ส.ว.และ ส.ส. ทำให้เสียเกียรติศักดิ์ และภาพลักษณ์เกิดขึ้นทั้งสองสภา ขอเรียนว่าวุฒิสภารู้สึกอับอายและคับข้องใจไม่น้อยกว่าประชาชน แต่การประชุมร่วมรัฐสภาทุกครั้ง ส.ว.มาเกินครึ่ง ดังนั้น สภาล่มจึงไม่ได้เกิดจาก ส.ว. ตนจึงอยากแสดงความรู้สึกผ่านไปยังประชาชนเพื่อให้สมาชิกตระหนักในความรับผิดชอบ และตระหนักในเกียรติของสภา และ ส.ว.ทำไปด้วยความรับผิดชอบ
ทำให้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แย้งทันทีว่า เมื่อสักครู่ ส.ว.พูดเหมือนกับว่า ส.ส.ทำสภาล่ม และ ส.ว.ไม่เคยมาต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง เป็นการพูดเอาดีใส่ตัวโยนชั่วใส่ผู้อื่น ตนคิดว่าไม่ควรพูดแบบนี้ เพราะ ส.ส.มีภารกิจมาก ต้องลงพื้นที่และประชุม กมธ. แต่ ส.ว.ไม่มีภารกิจอะไรเลย เอามากางเลยว่าสภาล่มได้อย่างไร ท่านเป็นผู้ใหญ่การพูดแบบนี้ไม่ดีและไม่สร้างสรรค์ จึงอยากให้ถอนคำพูด
ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ได้ลุกขึ้นหารือว่า ประเด็นที่หารือวันนี้มีความสำคัญ เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้นัดวาระพิเศษเพื่อให้มาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษา คนคาดหวังว่าจะได้นำไปดำเนินการประกาศเป็นกฎหมาย เราอย่าไปโทษใครเลย เพราะวันพรุ่งนี้ (25 มกราคม) เป็นวาระพิเศษเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราต้องตระหนักสำนึกว่าเราต้องร่วมมือกันในการลงมติ หลังจากนี้ถ้าเราร่วมมือกัน ใครมาก็มา ใครไม่มาก็ปรากฏชัดเจน เรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องความรับผิดชอบร่วมกันของรัฐสภา ตนไม่อยากให้ใครเอาความคิดเห็นข้างนอกเข้ามาพูด เมื่อครบองค์ประชุมแล้วอยากให้ใช้เวลาพิจารณากฎหมายตามลำดับ คาดว่าหลังมาตรา 20 ไปแล้ว ก็จะพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเสร็จภายในคืนนี้ได้
จากนั้น เวลา 10.11 น. เข้าสู่การพิจารณาโดยเป็นการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับร่างของการแปรญัตติที่ขอสงวนคำแปรญัตติ ที่ให้เพิ่มมาตรา 8/1 ขึ้นใหม่หรือไม่ โดยก่อนลงมติประธานได้ตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งขณะกดออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุม นายขจิต ไชยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า พรรค พท.พิจารณาแล้วเราไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.จึงไม่สมควรจะให้ผ่าน แต่อยากให้ที่ประชุมนี้ได้รู้ความจริงว่ากฎหมายนี้เป็นกฎหมายปฏิรูป คนเสนอกฎหมายนี้คือรัฐบาล โดยความเห็นชอบของ ส.ส.รัฐบาลและ ส.ว. ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าองค์ประชุมที่จะผ่านกฎหมายนี้คือ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. ส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีหน้าที่มาสนับสนุนกฎหมายของรัฐบาล ส่วนตนจะพิจารณาอิสระแต่ลงมติให้ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามมติพรรค ไม่สามารถผ่านกฎหมายนี้ได้
ส่วนนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ลุกขึ้นมาประท้วงให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ว่าบางครั้งความอดทนไม่จำกัด และในขณะนี้มีสมาชิกมาลงชื่อ เซ็นชื่อในห้องประชุม ส.ว.มาเซ็นชื่อ จำนวน 203 คน จาก 250 คน ส่วน ส.ส.
แต่นายพรเพชรได้ขัดขึ้นมา เป็นการพูดตามข้อเท็จจริงก็จริง แต่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครมาประชุม ทำให้นายกิตติศักดิ์แย้งว่าไม่ได้ ต้องบอกประชาชน ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่ทราบ นายพรเพชรจึงแจ้งว่าจะขึ้นกระดานให้ประชาชนเห็น และขอให้นายกิตติศักดิ์นั่งลง แต่นายกิตติศักดิ์กล่าวขึ้นว่า หากไม่ให้พูดสงสัยว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิก
ทั้งนี้ นายพรเพชรได้กดออดเรียกสมาชิก เพราะมีสมาชิกเพียง 219 คน จนกระทั่งเวลา 10.29 น. นายพรเพชรได้เปิดให้ลงมติและปรากฏว่าที่ประชุมเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 8/1 จำนวน 57 ต่อ 311 คะแนน และงดออกเสียง 6 คะแนน เป็นอันว่าที่ประชุมมีมติไม่ให้เพิ่มมาตรา 8/1 ขึ้นใหม่ จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณามาตรา 9
