อานนท์ รับสายแกนนำระดับสูง ‘เพื่อไทย’ เผยฝ่ายค้านทุกพรรคจ่อแถลงหนุนตะวัน-แบม เชื่อ ‘การต่อสู้ใกล้แตกหัก’

อานนท์ลั่น กลัวอะไรได้เห็นอย่างนั้น ปิดปากคนรุ่นใหม่ไม่ได้  “ครั้งหน้าเจอกันแน่นอน เอาเครื่องเสียงใหญ่เบิ้มๆ”

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่สกายวอล์ก หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกิจกรรม ‘ยืนหยุดขัง 112 ชม.’ โดยกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งยืนต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 5 ตั้งแต่เวลา 01.12 น. ของวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา โดยครบกำหนด 112 ชั่วโมง ในเวลา 17.12 น. แล้วนั้น

เวลา 19.40 น. นายอานนท์ นำภา ขึ้นกล่าวว่า ได้รับสายจากบุคคลซึ่งเป็นแกนนำของพรรคเพื่อไทยระดับสูงที่สุดว่า ไม่เกินวันพรุ่งนี้พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคจะร่วมกันแถลงสนับสนุนการต่อสู้ของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคก้าวไกลและพรรคเสรีรวมไทย โดยแถลงขั้นต่ำคือแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และแถลงขั้นสูงสุดคือยกเลิกกฎหมายมาตรา 112

นายอานนท์ กล่าวต่อไปว่า  เมื่อปี 2563 การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่เริ่มขึ้นที่นี่ในเดือนมิถุนายน ปีนี้ 2566 เราเริ่มต้นเร็วกว่าเดิม 6 เดือน เราเริ่มต้นปี 2566 มีคนเพียงไม่กี่ 10 คน เราเริ่มต้นวันนี้มีคนเป็นร้อยเป็นพันคน การต่อสู้เมื่อปี 2563 เราเริ่มต้นจากการ์ดอาชีวะอาสา ปี 2566 เรามี We volunteer มีการ์ดอาชีวะ มีการ์ดมืออาชีพแล้ว ไม่กลัว ปี 2563 แกนนำนักศึกษาต้องมาปราศรัยการปฏิรูปสถาบัน ปีนี้ไม่ต้อง เพราะทุกคนมีความรู้เท่ากันแล้ว ไม่ต้องพูดมาก มองตาก็รู้ใจ

Advertisement

“หลายคนบอกว่าการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ปี 2563 ไม่ชนะเลย อันนี้ไม่จริง เราเริ่มจากทะลุเพดาน วันนี้เรามีทะลุแก๊ส ทะลุวัง ทะลุฟ้า เราต่อสู้เพื่อคุณวันเฉลิม วันนี้เรามีร่างพระราชบัญญัติซ้อมทรมาน ป้องกันการอุ้มหาย เรามีแล้ว เราต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ วันนี้เรามีพ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศมาแล้ว เหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีการต่อสู้ของพวกเราปี 2563 หรือแม้แต่สภา 10 ปี 20 ปีมาแล้ว ไม่เคยมีส.ส.คนใดกล้าอภิปรายถึงสถาบัน ปีนี้มีการอภิปรายงบสถาบันกลางสภาแล้ว” นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า สังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นเมื่อบ้านเมืองเปลี่ยนไปแล้วนี่คือชัยชนะที่เราค่อยๆทยอยสะสมชัยชนะ แต่อย่างไรก็ตามการต่อสู้เราก็ถูกโต้กลับเหมือนกัน ปี 2563 เมื่อปลายปี 2564-2565

“พวกเราหลายคนต้องติดคุกต้องโดนกล่าวหา โดนแกล้งไปแจ้งความที่นราธิวาส โดนให้ประกัน อย่างผมติดคุกครึ่งหนึ่งของ 2 ปี รวมกันแล้วปีหนึ่ง ไม่เป็นไร ออกมาแล้วได้ลูกชายก็คุ้ม ต้นทุนของพวกเรามีเยอะ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำลายเราเยอะขึ้น ใบปอ เก็ท ตะวัน แบม และอีกหลายคนก็เช่นกัน เขาเป็นตัวประกันทางการเมือง การต่อสู้หลายคนสูญเสีย เพื่อนเราโดนยิงตาบอด มีน้องโดนยิงเสียชีวิตที่หน้าสน.ดินแดง มีป้าเป้า ป้าเป้าไม่รู้มาจากไหนโดนคดีการเมือง แต่เหล่านี้มันหลอมรวมให้พวกเรากลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” นายอานนท์ กล่าว

Advertisement

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า วันนี้ไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นใหม่ เรามีคนทุกรุ่น มีตั้งแต่พี่ป้าน้าอา จนกระทั่งเด็กอนุบาลยังทรงอย่างแบด สิ่งที่เราได้รับกลับมาตอนนี้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือดคือกระบวนการยุติธรรม และนี่คือที่มาของการเข้ามาสู่พื้นที่การต่อสู้ของแบมและตะวัน

“เราต้องยอมรับว่าปีที่แล้วกับปีนี้ พวกเราเมินเฉย เฉยเมย และหลงลืม เพื่อนเราบางคนอยู่ในคุก ผมขอสารภาพว่าเกิดจากความเหนื่อยการเฉยชา บางวันก็ไม่อยากคิดถึงด้วยซ้ำเพราะมันเจ็บปวดใจ คนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง คนเหล่านั้นเป็นคนที่ออกมาสู้ด้วย 2 มือเปล่า พี่สมบัติ แค่โพสต์เฟซบุ๊กติดคุกไม่ได้ประกัน พวกเขาถูกลืมมาระยะหนึ่ง ถ้าเรายอมรับความจริง แต่ตะวันกับแบมเขาเสียสละ อุทิศเสรีภาพ เพื่อจะปลุกพวกเราอีกครั้งให้ตื่นขึ้นมา และฝากไปบอกตะวันกับแบมว่าวันนี้ที่นี่พวกเราตื่นกันแล้ว และพร้อมที่จะสู้เคียงข้างกับทั้ง 2 รวมทั้งคนที่อยู่ในเรือนจำทุกคน” นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า การต่อสู้ครั้งนี้ใกล้เข้าไปถึงจุดแตกหักเข้าไปทุกที เป็นการปะทะของความคิดเก่ากับใหม่ เผด็จการกับประชาธิปไตย ความคิดเหล่านี้จะปะทะกันไปทุกอณูทุกขุมขนทุกชนชั้น และการปะทะนี้พวกเราได้เปรียบ

“คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นทุกวันๆ เขามีข้อมูล เขาใช้อินเตอร์เน็ตเป็น เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา สน.สำราญราษฎร์ออกหมายเรียกม.112 ไปที่เด็กหญิงคนหนึ่งอายุแค่ 14 ปี คุณกลัวอะไรกับคนรุ่นใหม่ ใบปอ เก็ท ตะวัน แบม และอีกหลายคน โดนหลายเรียกจะไต่สวน ถอนประกัน ช่วงปีใหม่เลื่อน 3 ครั้ง เขาไม่หนี เขาเดินเข้าสู่เรือนจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตะวันกับแบมเดินเข้าไปเองเลย เขาไม่หนี กลัวอะไร

อย่าลืมตะวันกับแบมที่โดนจับเพียงแค่ทำโพลเท่านั้น คุณจะมาปิดปากคนรุ่นใหม่ ไม่ให้ตั้งคำถาม คุณกลัวอะไร คุณกลัวคำตอบที่ไม่พึงประสงค์ใช่หรือไม่ ผมบอกเลยว่าคุณกลัวอะไร คุณก็จะได้เห็นอันนั้นแหละ และอะไรที่เคยเห็น จะไม่ได้เห็นอีกเลย วันนี้กลัวนักกลัวหนาทั้งประยุทธ์ ประวิตร กลัวพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง ไม่ต้องกลัว อย่างที่บอกกลัวอะไรได้เห็นอย่างนั้น” นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำงานการเมืองตอนนี้ ทั้งฝ่ายเพื่อไทย ก้าวไกล และพรรคอื่นๆ พวกนนี้เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภา ถ้าเข้าไปในสภาพูดแน่นอนปิดปากไม่ได้ ช่วงนี้ต้องพึ่งพานางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลไปก่อน แต่สมัยหน้าถ้าคนรุ่นใหม่ได้รับการเลือกตั้งเต็มสภาเจอกันแน่นอน

“วันนี้ขณะที่ผมพูดอยู่ แบมกับตะวัน คือขั้นวิกฤตของร่างกาย มีคนบอกว่าทำไม่ไปบอกน้องให้เลิกอด ใครจะไม่ไปบอก เขาบอกเขาเตือนเขาเป็นห่วง แต่ทั้ง 2 เด็ดเดี่ยว ที่จะต่อสู้เพื่อให้เห็นชัยชนะ ตะวันได้ตายจากเราไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ครั้งนี้คือการอยู่เพื่อพิสูจน์ความจริง อย่าไปท้าทายเด็กพวกนี้” นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามถ้าเขาได้เห็นชัยชนะจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อทีละข้อๆ ตนเชื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่และหาวิธีมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน พรุ่งนี้ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกันแถลงสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ตนเชื่อว่าพวกเขามีกำลังใจและจะหาทางมีชีวิตต่อไปอีกแน่นอน ถ้าเรามายืนหยุดขังก็ดี มาเรียกร้องชูป้าย มากันให้เยอะส่งเสียงไปถึงศาลยุติธรรม เรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม

“ถ้าเราทำให้นักโทษการเมืองได้รับการประกันตัว เราก็ชนะไปอีกข้อหนึ่ง อันนี้ไม่ยาก และมันเห็นแสงรำไรแล้ว ศาลยกคำร้องถอนประกันเหล่านี้เป็นความหวังแล้ว ศาลสั่งยกคำร้องไม่ถอนประกัน เหล่านี้คือแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว  ศาลต่างจังหวัดอย่างขอนแก่น สมุทรปราการ 112 ศาลต่างจังหวัด ศาลรุ่นใหม่กล้าหาญยกฟ้องแล้ว แม้แต่ในชั้นศาลเองก็เป็นการต่อสู้ของอุดมการณ์ที่ต่างกัน” นายอานนท์ กล่าว

จากนั้นนายอานนท์ได้ชู 3 นิ้ว พร้อมนำกล่าวว่า “เราจะสู้เคียงข้างกัน ให้มันจบที่รุ่นเรา” และกล่าวอีกว่า “ครั้งหน้าเจอกันแน่นอน เอาเครื่องเสียงใหญ่เบิ้มๆ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image