เมื่อ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน กล่าวระหว่างเฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘ผีหลอก’ โดยระบุถึงคลิป 4 คลิป โดยมีการเปรียบนายทักษิณ ชินวัตร เป็นภูเขาทองถูกสุนัขฉี่รด
นายจตุพรกล่าวว่า คณะหลอมรวมฯไม่เคยบอกว่าจะหยุดการเลือกตั้ง แต่ต้องการต่อต้าน รปห. แม้เมื่อเกิดเหตุกับทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวว่าตนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จึงต้องตอบโต้ แต่ตนไม่เคยคิดและพูดขัดขวางการเลือกตั้งใดๆ
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขอให้หยุดตอบโต้ทักษิณนั้น เมื่อฟังเพียงคลิปเดียว ตนก็คิดเช่นกัน อีกทั้งการทำสงครามกับหมู่มิตรโดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ เป็นเรื่องลำบากใจ เพราะไม่มีความบาดหมางกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคลิปสัมภาษณ์อีก 3 คลิป คือ คลิปแรกเป็นของนายณัฐวุฒิ อัดก่อนไปหาเสียงที่ จ.เลย พูดถึงทางแยกของแกนนำ นปช. จึงต้องชี้แจงเพิ่มเติม ส่วนคลิปสองเป็นของนายอดิศร เพียงเกษ และคลิปสุดท้ายของเสื้อแดงที่เผยแพร่ในรายการของนายสุนัย จุลพงศธร ที่ลี้ภัยการเมืองต่างประเทศ ตนจึงไม่สบายใจ
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีแกนนำ นปช. แยกทางกันเดินจนถึงปัจจุบันว่า สาเหตุสำคัญมาจากตนถูกหลอกให้ช่วยหาเสียงให้พรรคเพื่อชาติ ส่วนแกนนำ นปช.คนอื่นจะถูกหลอกหรือไม่ ตนไม่รู้ สำหรับตนกล้าพูดได้ชัดเจนว่า ถูกหลอก
นายจตุพรกล่าวว่า หลังพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบแล้ว นายณัฐวุฒิขณะที่ไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองยังไม่ได้กลับเพื่อไทย แต่ไปตั้งพรรคเส้นทางใหม่ แล้ววกกลับเพื่อไทย
เมื่อไทยรักษาชาติถูกยุบ พรรคอับปางแล้ว ตนก็ยังหาเสียงช่วยเพื่อชาติต่อ แม้เจ็บปวดที่สุด แต่ทนจนเลือกตั้งเสร็จจึงประกาศแยกทางกับเพื่อชาติ หลังจากกรณีนี้ นปช.ก็แยกกันสนิท ต่างฝ่ายต่างเดิน ไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
อีกทั้งกล่าวว่า นี่คือการแยกกันอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ไปบอกนายณัฐวุฒิว่า ไม่ใช่ ก็เป็นความเชื่อของเขา ทั้งหมดคือการแยกกัน และในปี 2562 ไม่มีการใช้คนเสื้อแดงมาหาเสียงเลือกตั้ง หรือเรียกให้กลับบ้าน
“เมื่อณัฐวุฒิให้อธิบายให้ครบถ้วน ผมยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า ผมถูกหลอกจนสำเร็จ และเป็นความสำเร็จตลอดกาล ส่วนณัฐวุฒิ ไม่เชื่อว่าถูกหลอกก็ว่าตามณัฐวุฒิไป และที่พิสูจน์มากกว่านั้น ณัฐวุฒิได้บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติลำดับ 7 วีระกานต์ได้ 25 หมอเหวงลำดับ 55 ยังมองเป็นปรากฏการณ์ปกติหรือ สองผู้เฒ่าได้รับเกียรติหรือไม่” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวต่อไปว่า นายอดิสร เพียงเกษ กล่าวว่าตนหมดอนาคตทางการเมือง โดยไม่ได้พูดข้อเท็จจริง ไม่บอกว่าข้อไหนที่ตนพูดไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ หากสิ่งที่ตนพูดไม่ได้กระทบอะไรกับฐานเสียงพรรคเพื่อไทยแล้วมาเดือดร้อนทำไม และหากไม่มีพาดพิงในทางเสียหายก่อนเรื่องก็คงไม่เกิด
