ก้าวไกล ยก 2 กม.ลูกประกาศใช้แล้ว จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภา จัดเลือกตั้งทันที ดักคอ กกต.แบ่ง 400 เขต อย่าเอื้อบ้านใหญ่
เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว ทุกกลไกที่เกี่ยวข้องต้องมีความพร้อมในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง อย่างพรรค ก.ก.ก็มีความพร้อม หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเร็ววันนี้
เพราะต้องเข้าใจว่าสภาพของรัฐบาลในเวลานี้เกือบจะไม่ฟังก์ชั่น คือ ทำหน้าที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ อาทิ การกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก็ขาดประสิทธิภาพ มีปัญหาอย่างกรณีของ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ที่มีความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจหลายคน
และยังไม่นับปัญหาความเดือดร้อนอื่นๆ ของประชาชน ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่นายกฯจะแก้ปัญหาแบบซื้อเวลาไปวันๆ ไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งการยุบสภาตามกฎหมายถือเป็นอำนาจของนายกฯเพียงคนเดียว
แต่ถ้าดูความพร้อมและบริบททางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถือว่ายังไม่มีความพร้อมทั้งตัวผู้สมัคร ส.ส. และโครงสร้างของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปัจจัยนี้น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจยุบสภาเพราะฝ่ายของตัวเองไม่พร้อม
เมื่อถามว่ามองกรอบเวลาที่ กกต.ระบุว่าขอเวลา 45 วัน ภายหลังกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้ เพื่อดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้ง และให้เวลาพรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตอย่างไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง กกต.ก็มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว ควรจะมีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า
แม้จะมีปัจจัยเรื่องการเพิ่มลดของจำนวนประชากรในแต่ละปี แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายธุรการอย่าง กกต.สามารถเตรียมการไว้เบื้องต้นได้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งตามกติกาการเลือกตั้งใหม่ที่แก้ไขให้เป็น 400 เขตนั้น พรรค ก.ก.ขอเรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง โดยพรรคจะมีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอาสาสมัครเข้าไปสังเกตการณ์พร้อมทำงานร่วมกับ กกต.ในการแบ่งเขต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนเมื่อการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ กกต.แบ่งบางเขตเลือกตั้งถูกตัดหัว ตัดท้าย ทั้งที่มีพื้นที่เชื่อมโยงกัน เหมือนเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อเอื้อให้กับบางพรรค หรือบ้านใหญ่ในทางการเมืองให้มีความได้เปรียบมากกว่าพรรคอื่น ประเด็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีกลไกของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภา เข้ามาร่วมติดตามการทำงานของ กกต.ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเตรียมพร้อมการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญมีความคืบหน้าอย่างไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า ในส่วนของพรรค ก.ก.วางน้ำหนักการอภิปรายครั้งนี้แม้จะเป็นการอภิปรายแบบไม่ลงมติ แต่เนื้อหาและความเข้มข้นจะเทียบเท่าและไม่น้อยไปกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ที่มีความเคลือบแคลงสงสัยในการกำกับดูแล ตร. ที่มีข้อร้องเรียนการคลี่คลายคดีตู้ห่าวและเชื่อมโยงมาถึงหลานชายของนายกฯ
แม้ตนและเพื่อน ส.ส.จะยื่นกระทู้ถามนายกฯผ่านสภา แต่นายกฯก็ไม่เคยมาตอบ พรรค ก.ก.จึงจะใช้การอภิปรายตามมาตรา 152 สอบถามเพื่อให้นายกฯมาตอบชี้แจงกรณีดังกล่าวด้วยตนเอง และเชื่อว่านายกฯคงไม่คิดยุบสภาเพื่อหนีการอภิปราย ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ เพราะจะเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง เท่ากับนายกฯยอมรับข้อกล่าวหาในกรณีของตู้ห่าวถึงกล้าให้มีการอภิปรายตามมาตรา 152
ส่วนตัวมองว่าหลังเสร็จการอภิปรายความชอบธรรมของนายกฯและรัฐบาลจะเหลือน้อยลง จนต้องตัดสินใจยุบสภา ไม่รอให้รัฐบาลอยู่จนครบวาระในวันที่ 23 มีนาคมนี้
