นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รัฐมนตรีว่ากการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจยังย่ำแย่ การส่งออกเดือนตุลาคม กลับมาติดลบหนักอีกที่ – 4.2% หลังจากที่เป็นบวกได้แค่ 2 เดือน ซึ่งจะทำให้การส่งออกทั้งปี 2559 น่าจะติดลบ และเป็นไปตามที่เคยเตือนไว้แล้วว่าการส่งออกจะไม่สามารถขยายตัวได้นาน และยิ่งการลงทุนหดหาย การส่งออกในอนาคตก็จะยิ่งลดลง อีกทั้งการลงทุนที่ลดลงทำให้การว่างงานพุ่งขึ้นเร็วมาก ภายในตุลาคมเดือนเดียวการว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 1.2 แสนคน ดังนั้นจึงอยากให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เร่งแก้ปัญหาการส่งออกและการลงทุน ที่ส่งผลถึงการว่างงานที่พุ่งขึ้น ก่อนที่นายสมคิดจะฝันให้ไทยเป็นผู้นำเศรษฐกิจของอาเซียนแทนประเทศสิงคโปร์
“การจะเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนได้นั้น ประเทศไทยจะต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ไม่ใช่ไทยคิดจะเป็นแล้วจะเป็นได้เอง เพราะในปัจจุบันขนาดนักลงทุนต่างประเทศหายไปลงทุนประเทศอื่นหมดไม่เหลือความมั่นใจที่จะมาลงทุนในไทยแล้ว ดังนั้นการเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนคงเป็นไปได้แค่ในความฝันเท่านั้น รัฐบาลจะต้องคิดว่าจะสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อย่างไร การเร่งให้มีการเลือกตั้งน่าจะช่วยเริ่มฟื้นฟูความมั่นใจได้ เพราะหากจำกันได้ว่าหลังจากที่มีการประกาศว่าจะปิดประเทศต่อหน้าแม่น้ำทั้ง 5 สายในสภา การลงทุนก็วูบลงมาโดยตลอด ซึ่งตามหลักการแล้วนานาชาติคงอยากเห็นระบอบการปกครองที่เป็นสากลและเชื่อถือได้มากกว่า และการที่นายสมคิดยอมรับเองว่าได้ใช้เงินไปไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทแล้วเพื่อช่วยเกษตรกรและคนยากจน แต่ทำไมประชาชนกลับไม่รู้สึกเลยว่าดีขึ้น ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะใช้ไม่ถูกทางเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน ช้อปช่วยชาติหักภาษีได้ 30,000 บาท ก็เป็นการแก้ไขระยะสั้น และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้สร้างความยั่งยืน”นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า การที่นายสมคิดบอกว่าจะสร้างเศรษฐกิจภายในโดยไม่พึ่งต่างประเทศ จึงอยากถามว่านายสมคิดจะทำได้อย่างไร ในเมื่อรายได้ของประชาชนทั้งประเทศลดลงกันหมดเช่นนี้ และช่วยอธิบายว่า ไทยแลนด์ 4.0 จะหารายได้ไปทดแทนการส่งออกและการลงทุนได้อย่างไรตามที่นายสมคิดพูด เพราะตามหลักคิดไทยแลนด์ 4.0 สากล น่าจะเป็นการพัฒนาประเทศในทุกด้านเพื่อให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงและเพิ่มการส่งออก ประเทศถึงจะเดินหน้าต่อได้ ประเทศไทยอย่างไรก็ต้องพึ่งต่างประเทศ และ ปีหน้าที่บอกว่าเศรษฐกิจจะโต 5% ก็เป็นไปแทบไม่ได้เลย ไม่อยากให้พูดเหมือนเป็นการขายฝันไปวันๆ เพื่อเอาตัวรอด และมักจะชอบพูดแบบนี้ทุกครั้งที่การส่งออกติดลบหนัก และการลงทุนจากต่างประเทศไม่ฟื้น ไม่อยากให้เป็นการแก้ตัว แต่อยากเห็นการแก้ไขที่จริงจังก่อนที่จะสายเกินไป เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบคือคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย และเยาวชนของชาติที่จะเสียโอกาสในอนาคต
