‘เพื่อไทย’ เปิดเพิ่ม 3 เขต กทม. ‘อ๋อม สกาวใจ’ โผล่ร่วมตามคาด มีแฟนคลับมาชูป้ายไฟให้กำลังใจ เจ้าตัว เผยเหตุเลือก พท.เพราะจุดยืน ปชต.ชัดเจน ลั่น มาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อแพ้ ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวราวุธ ยันต์เจริญ รองประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วย ส.ส.กทม. ร่วมแถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. อีก 3 เขตที่เหลือ ประกอบด้วย เขตสายไหม เขตสะพานสูง และเขตบางขุนเทียน รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร จ.จันทบุรี
โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า กทม.อีก 3 คน ซึ่งเป็น 3 คนที่ยังค้างอยู่ ซึ่งหากประกาศแล้วจะครบ 33 เขต วันนี้เราจะมาประกาศความพร้อมของพรรค พท. และเน้นย้ำเรื่อง 3 กลยุทธ์ที่จะทำให้พรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เรื่องนโยบายพรรค และเรื่องของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค ซึ่งมั่นใจว่าจันทบุรีและ กทม.จะได้ประกาศรับเลือกตั้ง เรามั่นใจว่าเราคัดเลือกคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความกระตือรือร้นที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน โดย กทม.ถือเป็นหัวใจของประเทศไทยที่สะท้อนให้เห็นภาพของประเทศทุกด้าน พรรค พท.จึงให้ความสำคัญตรงนี้มาก มั่นใจว่าที่ผู้สมัครทั้งที่เป็น ส.ส.ปัจจุบัน ว่าที่ผู้สมัคร จะสามารถตอบโจทย์ปัญหา กทม.ครอบคลุมทุกมิติ และมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่พรรค พท.ประกาศรายชื่อไปจะได้รับเลือกตั้ง
นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า วันนี้พรรค พท.ได้เปิด 33 เขต ซึ่งเราเปิดความพร้อมทั้งตัวผู้สมัครทุกคนมีความรู้ความสามารถ ลงพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน เชื่อมั่นว่าความรู้ความสามารถของทุกคนจะสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ นอกจากนี้ เรายังมีความพร้อมด้านนโยบาย ทุกนโยบายของเราจะทำได้จริง รวมถึงพรรค พท.พร้อมเป็นรัฐบาล พร้อมบริหารประเทศ ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมาเราเจอวิกฤต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนผู้บริหารประเทศ พรรค พท.ขออาสามาแก้ไขปัญหาของประเทศ และขอโอกาสจากพี่น้อง กทม. และทั้งประเทศมาเลือก พท.ให้แลนด์สไลด์ เราจะร่วมกันแก้วิกฤตของประเทศไปด้วยกัน
สำหรับผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จันทบุรี 2 เขต ได้แก่ 1.นายวันทิตย์ ตั้งรักษาสัตย์ และ 2.นายนิติรุจน์ ศิระวิเชษฐ์กุล ส่วนผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. 3 เขตที่เหลือ เขตสะพานสูง ได้แก่ นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ หรืออ๋อม อดีตดารานักแสดง พิธีกรชื่อดัง, เขตสายไหม ได้แก่ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และเขตบางขุนเทียน ได้แก่ นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกะ
จากนั้น นางสาวสกาวใจให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงการเข้าร่วมงานกับพรรค พท.ว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ อยู่วงการบันเทิงมาเกือบ 30 ปี พี่น้องประชาชนให้แรงสนับสนุนมา ให้ได้เป็นอ๋อม สกาวใจในทุกวันนี้ จึงอยากตอบแทนพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ คิดมาตลอดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เป็นเรื่องใกล้ตัวเสมอ
นอกจากนี้ การที่ออกมาคอลเอาต์ ออกมาพูดถึงปัญหาตลอด ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งถามตัวเองตลอดว่าเมื่อไหร่ปัญหาจะถูกแก้ไข และการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดคือการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ คือการนำเอานโยบายดีๆ ไปเสนอในสภาที่เป็นประชาธิปไตย จากปัญหาต่างๆ ที่มีเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งจึงตัดสินใจลงมาทำงานการเมือง เพื่อมาแก้โครงสร้าง ที่ต้องเป็นพรรค พท. เพราะตนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องเข้าถึงปัญหา ต้องยึดโยงเรากับประชาชน ซึ่งพรรค พท.มีความชัดเจนในส่วนนี้ ทำให้มีความอุ่นใจ ตั้งแต่พรรค พท. ชื่อพรรคไทยรักไทยก็เห็นผลงานตลอด รวมถึงเห็นมาตลอดว่าตอบโจทย์ประชาชน คิดนโยบายแล้วทำได้จริง
นางสาวสกาวใจกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่กับเพื่อนสนิทคือ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ และยังมีผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เมื่อเข้าไปปรึกษาปัญหาก็ได้รับความรู้กลับมาเยอะแยะ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล หากได้จัดตั้งรัฐบาลประเทศก็คงไม่ย่ำอยู่กับที่มาตลอด 8 ปี ส่วนเมื่อประกาศตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว จะรับงานด้านการบันเทิงหรือไม่นั้น งานไหนรับได้ก็จะรับ และยังตอบไม่ได้ว่าในอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร หากตนได้เข้ามาเปลี่ยนให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้ ถือว่าคุ้ม การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อตนเอง เพราะอยากอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ตราบใดที่รถถังยังออกมาเพ่นพ่านอยู่แบบนี้ ประเทศก็จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้
“ทั้งนี้ อ๋อมได้ลงพื้นที่ในเขตสะพานสูงไปบ้างแล้ว เพราะอ๋อมใช้ชีวิตในพื้นที่นั้นมาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เห็นมาตลอดแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ควรเจริญไปได้มากกว่านี้ และหลายคนคงเคยเห็นอ๋อมเรื่อยๆ จึงตัดสินใจลง ส.ส.เขตสะพานสูง อย่างไรก็ตาม การมาครั้งนี้อ๋อมไม่ได้มาเพื่อแพ้ มาเพื่อชนะกับปัญหาทุกอย่าง ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า เรามั่นใจในตนเอง มั่นใจในทีมงาน และมั่นใจในพรรค” นางสาวสกาวใจกล่าว
โดยหลังจากที่มีการแถลงประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครเสร็จแล้ว มีแฟนคลับได้มาชูป้ายไฟเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่นางสาวสกาวใจจะไปถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับ
