‘ป้าเป้า’ เฝ้า ’ตะวัน-แบม’ พร้อมรอฟังผลยื่นประกันทะลุแก๊ซ 9 คน ย้ำทุกคนมีสิทธิประกันตัวสู้คดี
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลา 16.00 น. ที่อาคารหอพักผู้ป่วยยูงทอง 2 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า และประชาชนจำนวนหนึ่ง ยังคงเฝ้าสังเกตอาการ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม 2 นักกิจกรรมที่อดอาหารและน้ำเพื่อประท้วง 3 ข้อเรียกร้องต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา
นางวรวรรณให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่าตนเป็นห่วงแบมและตะวัน แต่ก็เคารพความคิดของทั้ง 2 คน ส่วนพวกตนเป็นผู้ใหญ่ที่จะคอยช่วยลูกหลาน
“เราสู้กันมา 2-3 ปี ไม่ได้อะไรเลย ได้แต่คดี 112 ได้แต่โดนจับ ดังนั้น ตะวันและแบมก็คิดมาแล้วว่ากำลังสู้อยู่กับใคร และต้องสู้อย่างไร ที่หลายคนยังไม่ออกมาร่วมเรียกร้องก็เข้าใจว่าแต่ละคนแบกรับภาระต่างๆ แต่อย่างเรา ถ้าทำเราก็กล้ารับผิดชอบ แต่นี่เด็กไม่ได้ผิด ทำไมเราไม่มีสิทธิพูด เราต้องมีสิทธิที่จะแสดงออกทางความคิด
จุดเริ่มต้นที่พวกเราออกมาเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าจะเรื่องกฎหมาย หรือเศรษฐกิจ เราขอเพียงให้ประชาชนได้มีสิทธิบ้าง การที่ตะวันและแบมมาเรียกร้องก็ถูกแล้ว เพราะเขาทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจเช่นนี้ ทั้งคู่อาจจะตายก็ได้ แต่ถามว่าเขาอยากตายไหม ก็คงไม่อยาก ใครจะอยากตาย แต่ใจของตะวันและแบมแน่วแน่ว่าต้องเรียกร้องให้ได้ แม้แต่จะตายก็ยอม” นางวรวรรณกล่าว
ต่อมา นางวรวรรณกล่าวถึงการประกันตัวของกลุ่มทะลุแก๊ซว่า ตนก็ไม่ทราบว่าได้รับประกันตัวกี่คน หากได้รับการประกันตัวทั้ง 9 คน จึงจะย้ายไปรวมตัวที่เรือนจำกลางคลองเปรม คาดว่าจะกลับมาสังเกตการณ์อาการตะวัน-แบม ที่ รพ.ธรรมศาสตร์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังเป็นห่วงกลุ่มทะลุฟ้าที่จัดกิจกรรมยืนหยุดขังหน้าหอศิลป์ กทม.อยู่
“หากกลุ่มทะลุแก๊ซไม่ได้ประกันตัว ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ประชาชนไม่สามารถพูด หรือแสดงออกอะไรได้เลย โดยเบื้องต้นจะเฝ้าที่ รพ.ไว้ก่อน แต่จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปคงต้องรอดูสถานการณ์ ส่วนการรวมตัวกันปัจจุบันส่วนใหญ่คนจะไปรวมตัวกัน 3 ที่หลักๆ ได้แก่ เรือนจำกลางคลองเปรม ศาลอาญารัชดา และหน้าหอศิลป์” นางวรวรรณกล่าว
ทั้งนี้ ผู้ร่วมเฝ้าสังเกตการณ์รายหนึ่งกล่าวเสริมว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อหาหลักฐานเพิ่ม และสู้คดี โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ เรื่องนี้รัฐไม่มีสิทธิที่จะทำ หลักการและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐสวนทางกัน คนรุ่นใหม่จึงไม่ยอม และพวกตนก็ไม่ยอมเช่นกัน
