“รังสิมันต์” กร้าว ยกระดับการอภิปรายเทียบอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุดท้ายหากต้องถูกดำเนินคดีเพราะอภิปรายนอกสภาก็ต้องสู้ต่อไป
เมื่อเวลา 09.57 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกลให้กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ว่า พรรคก้าวไกลจะเริ่มอภิปรายโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลและสมาชิกของพรรค ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย โดยหากพูดตามกฎหมาย จะเป็นเหมือนการซักถามทั่วไปในประเด็นปัญหาต่างๆ ให้รัฐบาลตอบ แต่เมื่อมาอยู่ในช่วงเวลาก่อนเลือกตั้ง เราก็ยกระดับเป็นระดับเดียวกันกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทำอย่างเต็มที่ในการขุดคุ้ยข้อมูลต่างๆ
ในส่วนของตนได้เตรียมข้อมูลไว้เยอะ และมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และเกี่ยวพันกับการบริหารงานที่ไม่ชอบ รวมไปถึงความล้มเหลวในทุกๆ ด้านของรัฐบาล โดยตนใช้เวลาในการเตรียมข้อมูลประมาณ 4 เดือน ก็ค่อนข้างมั่นใจว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดกับรัฐบาลได้ และคงไม่จบแค่การซักฟอกเราเตรียมข้อมูลไว้ดำเนินการตามกฎหมาย อีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ฝั่งรัฐบาลระบุว่า หากอภิปรายเหมือนครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเสนอให้มีการนับองค์ประชุมเพื่อให้การประชุมไม่สามารถดำเนินไปได้ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างนั้นไปทำไม เพราะที่ผ่านมาการอภิปรายทั่วไปก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร การที่ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ดีก็เป็นประโยชน์กับประชาชน ในเมื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลไม่อยากทำหน้าที่นี้ ตกลงรัฐบาลต้องการอะไร ไม่อยากให้ประชาชนทราบข้อมูลของการทุจริตคอร์รัปชั่นใช่หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่ารัฐบาลกำลังจะยอมรับ ว่าตัวเองมีแผลเหวอะหวะเต็มตัว และกลัวประชาชนจะทราบจึงได้พยายามปิดปากพวกเรา ตนอยากให้สภาเป็นเวทีที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีโอกาสพูด เราไม่อยากให้ใช้เวทีนี้ปิดปากใคร ถ้ารัฐบาลชี้แจงดี ประชาชนก็จะเลือกคุณ ในทางกลับกัน หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการซักฟอกไม่ดี ประชาชนก็ไม่เลือกฝ่ายค้านเพราะทำหน้าที่ได้ไม่ดี ดังนั้น คนที่เรานำมาซักฟอกในครั้งนี้จึงเป็นคนที่เรามั่นใจว่าเต็มไปด้วยบาดแผล และไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศในวันนี้และในอนาคต
เมื่อถามว่า มีคนมองว่าอาจจะนำข้อมูลเก่ามาอภิปรายหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า รอดูได้เลย ตนก็เห็นรัฐบาลพูดแบบนี้ตลอด แต่ทุกครั้งที่มีการนำเสนอ ตนก็ไม่เห็นรัฐบาลจะตอบอะไรได้เลย เช่นกรณีตั๋วช้าง ดังนั้นตนคิดว่า หลายหลักฐานที่เราเปิด และโดนปรามาสว่าไม่มีข้อมูลใหม่ นำข้อมูลเก่ามาพูด “ประทานโทษ ทุกครั้งรัฐบาลก็พูดอย่างนี้ และสุดท้ายก็หน้าชากันไป” ดังนั้น จะปรามาสก็ได้ ตนไม่สามารถห้ามได้เพราะเป็นสิทธิของเขา แต่อย่ามาห้ามเราพูดก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า หากสภาล่มจะไปอภิปรายนอกสภาหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เบื้องต้นเราต้องทำให้สภาไม่ล่ม และพยายามให้การอภิปรายดำเนินไปได้มากที่สุด แต่สุดท้ายหากล่มจริงๆ เราก็เตรียมแผนสำรองเอาไว้ ซึ่งไม่มีใครที่อยากจะไปอภิปรายนอกสภา ทุกคนก็อยากทำหน้าที่ในสภา และเราก็ถือว่า การที่สภาล่มและต้องไปอภิปรายนอกสภาเป็นส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่ ซึ่งในท้ายที่สุด หากเราต้องถูกดำเนินคดี มันก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของเรา เราก็ต้องไปต่อสู้คดีต่อไป ตนก็ไม่ได้อยากติดคุกและถูกดำเนินคดี แต่ในเมื่อเราไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ในสภาได้ ก็คงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘จุรินทร์’ ย้ำ มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ ยัน ขอทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร จนนาทีสุดท้าย ลั่น ไม่กลัวการตรวจสอบ
- ‘บิ๊กตู่’ ขู่ซ้ำ ใครเปิด ‘บัญชีม้า’ จำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสน
- ‘วราวุธ’ มองบวก เวที 152 ได้แจงผลงาน ขอบคุณ ‘พีระพันธุ์’ รุดเคลียร์ปมดูด ส.ส.สุพรรณ
- ‘ศักดิ์สยาม’ พร้อมแจงเวที ม.152 หลังฝ่ายค้านล็อกเป้า ชี้หากเกินกรอบอภิปราย ส.ส.ภูมิใจไทย ไม่ร่วมองค์ประชุม