อดีตเลขาฯสมช. ชี้ตร. เข้าสู่ยุคเสื่อมทรุดที่สุด เพราะมีนายกฯ ชอบตะแบง-ไร้ภาวะผู้นำ
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาฯสองวันที่ออกอากาศไปทั่ว เป็นการตอกย้ำกระชากหน้ากาก ”รัฐบาลหน้ากากผู้ดี” และ ”นายกฯแปดเปื้อน” นั้น มันเป็นความจริงตามฉายาที่สื่อมวลชนตั้ง เฉพาะแค่ประเด็นทุนสีเทาจีน-ไทยการอภิปรายได้แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมทรามของตำรวจไทยได้กระจ่างแจ้ง อธิบายความเทียบเคียงให้เห็นภาพง่ายๆว่าทุนมาเฟียจีนสีเทา(แก๊ง1)มีทีมตำรวจสีเทา (ทีม1) คุ้มครอง ต่อมาก็มาถูกทีมตำรวจสีเทา(ทีม2)มาโค่นล้มให้แก๊งมาเฟียจีนสีเทา(แก๊ง2)เข้ามาแทนที่ เป็นการเวียนวนของวงจรอุบาทว์ของทีมและแก๊งสีเทาชั่วๆหลากสายพันธุ์วนมาเสียบแทนที่กันแบบไม่รู้จบ ครั้นพอจะไปตั้งทีมเฉพาะกิจมากวาดล้าง เมื่อกวาดตามองหาเจ้าหน้าที่ก็เจอแต่มือปราบสีเทาอีกก็เลยไม่รู้จะหยิบใครมาปฏิบัติการดังกล่าว
“มันเป็นยุคแห่งความเสื่อมทรุดที่สุดของวงการตำรวจไทย การอภิปรายครั้งนี้จบลงอย่างกระจ่างชัดว่าขบวนการมาเฟียสีเทาจีน-ไทยเกิดขึ้นได้ก็เพราะความเฮงซวยไร้ภาวะผู้นำของนายกฯสืบทอดอำนาจที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นั่นเอง ดีแต่ตะแบงตีฝีปากแก้ตัวว่าเรื่องนี้มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ประชาชนเขาไม่สนเรื่องเดิมเขาสนใจแต่ว่าแล้ว 8 ปี 8เ ปื้อนมัวไปเป็นอีแอบหดหัวอยู่ไหนปัญหามาเฟียนี้มันถึงแผ่อิทธิพลกว้างขวางเละเทะอย่างนี้ เชื่อได้ว่า เมื่อการเลือกตั้งใหญ่ส.ส.เกิดขึ้นประชาชนจะนำประเด็นนี้ไปพิจารณาสู่การตกลงใจเลือกพรรคการเมืองปีกประชาธิปไตยให้ได้ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์มาเป็นรัฐบาล เพื่อมาปฏิรูปชำระล้างความโสมมของวงการตำรวจไทยภายใต้การนำของนายกฯสืบทอดอำนาจที่จะตกเก้าอี้กลับบ้านไปรอรับคดีความที่ตัวเองสร้างปัญหาหมกเม็ดทิ้งไว้” พล.ท.ภราดร กล่าว