ตะวัน-แบม ถึงศาลฎีกา เสียงส่งใจสนั่น ย้ายปักหลักทวงคืนสิทธิ 3 เพื่อน ผตห. หลังชายฉกรรจ์บุกคุกคามถึง รพ.
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพฯ สืบเนื่องกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม เตรียมออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อย้ายไปปักหลักอดอาหารและน้ำบริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับนักโทษการเมืองทุกคนต่อไป หลังจากอดประท้วงมาเป็นเวลา 37 วัน ทําให้ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็วกว่าที่คาดหมาย
โดยช่วงค่ำวันที่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิษยชน เปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบและชายฉกรรจ์จำนวนมากมาประจำอยู่บริเวณหน้าวอร์ดที่ตะวันและแบมพักอยู่ นอกจากนั้น ตลอดทั้งวันยังคุกคามบุคคลในครอบครัวของตะวันและแบม เช่น เดินตาม เข้ามาพูดคุย รวมทั้งมีความพยายามจะเดินเข้ามาในห้องพักโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่เกรงจะรบกวน รพ.และผู้ป่วยรายอื่นมากเกินไป จึงขอความเข้าใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจากทุก สภ.ในและนอกพื้นที่ ให้เคารพกฎหมายและความเป็นส่วนตัวด้วย ซึ่งการคุกคามดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุผลให้ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายออกจากโรงพยาบาล
เวลา 15.30 น. มีการเคลื่อนย้าย น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ออกจากห้องพักผู้ป่วยยูงทอง 2 รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต โดยเดินทางมาในลักษณะนอนบนรถตู้ของโรงพยาบาล เพื่อย้ายทั้งทั้งสองมายังหน้าศาลฎีกา
บรรยากาศเวลา 16.10 น. ที่ลานอากง (หน้าศาลฎีกา) มีเพื่อนของ น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ เดินทางมาเตรียมสถานที่เพื่อปักหลักอดอาหาร อาทิ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง และ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหา ม.112

นอกจากนี้ ยังมี บิดาและมารดาของ น.ส.ทานตะวัน นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย, อันนา จากกลุ่มนักเรียนเลว รวมถึงนักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่มทะลุแก๊ซ ศิลปะปลดแอก นักกิจกรรมอิสระ ตลอดจนประชาชนทั่วไป เดินทางมาร่วมเตรียมสถานที่และให้กำลังใจ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหลายสิบนาย กระจายกำลังเฝ้าประจำการโดยรอบ พร้อมกั้นแผงเหล็กไม่ให้มีนักกิจกรรมมุ่งหน้าไปยังฝั่งศาลหลักเมือง

สำหรับสถานที่ปักหลัก มีการตั้งเต็นท์ ซีลด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ พร้อมจัดเตรียมที่นอน รวมถึงเครื่องปรับอากาศ และสุขาเคลื่อนที่ ด้านหน้าเต็นท์มีการตั้งโพลขนาดใหญ่ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการคืนสิทธิประกันตัว ไปจนถึงคิวอาร์โค้ดให้สแกนสนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องของทั้งคู่
เวลา 17.35 น. รถตู้เดินทางมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา โดยจอดที่ประตู 3 ก่อนเจ้าหน้าที่เปิดประตูหลัง ขนย้ายตะวันและแบมลงมาทีละคน
เวลา 17.39 น. ตะวันลงจากรถตู้ มีสภาอิดโรย ร่างกายซูบผอมอย่างมาก
จากนั้น เวลา 17.46 น. แบม ถูกย้ายลงจากรถ ท่ามกลางเสียงตะโกนร้องของผู้ที่มาร่วมต้อนรับว่า “ตะวันแบมสู้ๆ กินข้าวบ้างนะลูก สู้กับทรราช”

ก่อนเข้าไปปักหลักในเต็นท์ที่เตรียมไว้ โดยมีมารดาของ น.ส.ทานตะวัน เป็นผู้ประคองร่างกายขณะเข้าไปในเต็นท์
สำหรับ น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ได้ยื่นถอนประกันตัวเองเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ก่อนยกระดับด้วยการอดน้ำและอาหารประท้วงในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเวลา 37 วัน เพื่อยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2.ปล่อยผู้ต้องหาการเมือง 3.พรรคการเมือง มีนโยบายยกเลิก ม.112 และ ม.116 โดยอาการล่าสุดของทั้งคู่ยังคงใกล้เคียงกับที่ผ่านมา คือคิดช้า อ่อนเพลียมากขึ้น หน้ามืดเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ ตาพร่า เลือดออกตามไรฟัน
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาการเมืองระลอกล่าสุดที่ยังไม่ได้รับสิทธิประกันตัวชั่วคราวออกมาต่อสู้คดีมี 3 ราย ได้แก่ คทาธร อยู่ระหว่างการสืบเสาะเพิ่มเติม 15 วัน ส่วน ถิรนัย และ ชัยพร รอคำสั่งประกันจากศาลอุทธรณ์ 2-3 วัน
โดยมีการเผยแพร่แถลงการณ์ ผ่านเฟซบุ๊กของตะวันและแบม ซึ่งเขียนขึ้นที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์วันนี้ ความว่า
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566
ข้าพเจ้า นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เกิดวันที่ 4 ส.ค. 2544 อายุ 21 ปี และข้าพเจ้านางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ เกิดวันที่ 28 เมษายน 2542 อายุ 23 ปี ขอแจ้งความประสงค์ของข้าพเจ้าทั้งสองว่า ในวันนี้ข้าพเจ้าทั้งสองได้ตกลงใจร่วมกันว่า เราทั้งสองจะอดอาหารต่อไปเพื่อขอให้ผู้มีอำนาจยอมรับสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดี
โดยเพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ดังกล่าว ข้าพเจ้าทั้งสองจะเดินทางออกนอกโรงพยาบาลธรรมศาสตร์นับตั้งแต่วันนี้ และไปยังหน้าศาลฎีกา
ข้าพเจ้าทั้งสองขอใช้สิทธิปฏิเสธการรักษาใดๆ ที่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมเพื่อเรียกร้องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ โดยข้าพเจ้ารับทราบว่าการทำเช่นนี้ต่อไปมีความเสี่ยงต่อชีวิต และแพทย์ได้แจ้งข้อมูลโรคของข้าพเจ้าให้ฟังทั้งหมดพร้อมคำอธิบายโดยครบถ้วนแล้ว ในขณะที่ข้าพเจ้ามีสติสัปชัญญะสมบูรณ์ ต่อหน้าพยานคือเพื่อนและครอบครัว
อนึ่ง หากข้าพเจ้าทั้งสองตกอยู่ในภาวะที่ไม่อาจตัดสินใจใดๆ ให้ถือว่าการตัดสินใจของทนายความของข้าพเจ้าทั้งสองเป็นความต้องการข้าพเจ้าทั้งสองเอง
ไม่ว่าข้าพเจ้าทั้งสองจะเป็นอย่างไรต่อไป ขอให้การต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ที่เป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาที่จะได้รับการประกันตัวในระหว่างการสู้คดี มีผู้ต่อสู้เพื่อให้สำเร็จต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศูนย์ทนายฯ เผยภาพ ชายฉกรรจ์ เฝ้าหน้าวอร์ด ‘ตะวัน-แบม’ พยายามเข้าห้องพัก
- ตร.เฝ้าพรึบ! ล้อมเต็นท์รอ ‘ตะวัน-แบม’ ย้ายปักหลักหน้าศาลฎีกา จี้คืนสิทธิประกันเพื่อน