“วิปรัฐบาล” อุ้ม “บิ๊กตู่” เร่งเข้าชื่อส่งศาล รธน.ตีความ พ.ร.ก.อุ้มหาย “ชินวรณ์” ชี้หาก กม.ไม่ผ่าน นายกฯต้องรับผิดชอบ จึงต้องร่วมมือไม่ทิ้งกันในยามวิกฤต
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้มีการหารือก่อนการประชุมวิปรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงประเด็นการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ.2566 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ในการประชุมสภาวันนี้ (28 กุมภาพันธ์) โดยเห็นตรงกันว่า เป็น พ.ร.ก.ที่ทุกฝ่ายไม่เห็นด้วย ทั้งเรื่องการยืดระยะเวลาจากกฎหมายเดิมออกไปอีก 6 เดือน และทุกฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าการเสนอ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่งหรือไม่ เพราะการเสนอ พ.ร.ก.ต้องดำเนินการเพื่อความปลอดภัย มั่นคงของประเทศ และเป็นเรื่องเร่งด่วน หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กรณีนี้เป็นเพราะความไม่พร้อมของส่วนราชการในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันฯ ดังนั้น จึงเห็นว่า ควรดำเนินการให้มีข้อยุติ โดยเห็นตรงกันว่า ต้องลงมติไม่เห็นด้วย พ.ร.ก.นี้ก็ตกไป แต่ไม่จบ จึงต้องดำเนินการเข้าชื่อกัน 1 ใน 5 ยื่นให้ประธานสภาพิจารณาภายใน 3 วันและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้ได้ข้อยุติที่ปราศจากข้อสงสัยภายใน 60 วัน แทนที่จะต้องรอ 6 เดือนกว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ถ้า พ.ร.ก.ผ่าน
นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนฝ่ายค้านนั้น ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้อยู่แล้ว ถ้าฝ่ายค้านไม่สามารถรวมเสียงข้างมากได้ ก็ไม่สามารถที่ลงมติคว่ำได้ ก็ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเราควรจะทำเรื่องนี้ให้ปราศจากข้อสงสัย จึงต้องดำเนินการให้เป็นไปจามระบบนิติธรรมและตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173
นายชินวรณ์กล่าวว่า เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะรวบรวมรายชื่อภายในเช้าวันนี้ (28 กุมภาพันธ์) คาดว่าจะได้รายชื่อครบก่อนเที่ยงของวันนี้ เพื่อส่งให้ประธานสภา แต่ในระหว่างที่รอประธานสภา ตรวจสอบความถูกต้อง ขอให้สมาชิกเข้าร่วมการประชุมต่อไปจนกว่าประธานสภาจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ก.ดังกล่าว จากนั้นการประชุมก็ต้องหยุดลง ไม่สามารถพิจารณาได้ต่อเพื่อรอคำวินิจฉัยจากศาลต่อไป
“ทุกคนพูดตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาลว่าช่วงนี้เป็นช่วงสุดท้ายแล้ว ถือเป็นช่วงวิกฤต หากกฎหมายนี้ไม่ได้รับการอนุมัติ นายกฯก็ต้องรับผิดชอบโดยตรง จึงเป็นเรื่องที่ไม่สวยงาม ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะมาทิ้งพี่ ทิ้งเพื่อนในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ดังนั้นต้องแสดงสปิริตในการร่วมมือกัน และไม่อยากเห็นนายกฯขาลอย เพราะมี ส.ส.เพียง 2 คน” นายชินวรณ์กล่าว