‘นิโรธ’ เผยวิป รบ.เข้าชื่อ 1 ใน 5 ยื่นศาลตีความ กม.อุ้มหาย แม้ร่างคว่ำรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ

‘นิโรธ’ เผยวิปรัฐบาลเข้าชื่อ 1 ใน 5 เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก.อุ้มหายฯ ก่อนลงมติวันนี้ แจงปัดยื้อ แต่เห็นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชี้ รบ.ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมวิปรัฐบาลถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องด่วน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ.2566 ว่ารัฐบาลส่ง พ.ร.ก.เข้ามาในสภาเพื่อให้หน่วยงานทำหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ได้รับการขยายระยะเวลาดำเนินการ และสามารถเดินหน้าได้ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานรัฐที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.และเพื่อประชาชนจึงออก พ.ร.ก.ฉบับนี้มา

นายนิโรธกล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะชอบ หรือน่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดเงื่อนไขความเร่งด่วนจำเป็น รัฐบาลไม่ได้มีเจตนาจะหน่วงให้ล่าช้า แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของหน่วยงานกับประชาชนไม่ให้เกิดความผิดพลาด จึงขอขยายระยะเวลาในส่วนนี้

นายนิโรธกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การประชุมวิปรัฐบาลได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมประชุมด้วย โดยวิปรัฐบาลต้องการรับฟังว่าตำรวจมีเหตุผลใดในการขยายระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อจะได้พิจารณาว่าเห็นสมควรจะให้เดินหน้าหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่าหากจะลงมติคว่ำไปเลยจะเดินหน้าลำบาก เพราะผลกระทบส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในชนบทด้วย

ADVERTISMENT

ส่วนที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ลงมตินั้น นายนิโรธกล่าวว่า สภามีอำนาจก็จริงแต่หลายครั้งโหวตแล้วก็มีการตีความในศาลรัฐธรรมนูญในภายหลังจนสภาเกิดความเสียหาย ดังนั้น เพื่อความรอบคอบและไม่ให้สภาเกิดความเสียหาย จึงคิดว่าเรื่องนี้ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งคำร้องที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย พ.ร.ก.ฉบับนี้นั้น ขณะนี้การเข้าชื่อ 1 ใน 5 น่าจะครบเรียบร้อยแล้ว อาจยื่นต่อประธานสภาได้ก่อนหรือระหว่างการประชุมสภาก็ได้ เพื่อเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 173

“คำร้องของวิปรัฐบาลไม่ถือเป็นการยื้อการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกไป แต่ถือเป็นการให้หน่วยงานตาม พ.ร.บ.เดินหน้าได้ ถ้ามองในแง่ร้ายก็บอกว่าเรายื้อ แต่ถ้ามองเป็นกลางและตรงไปตรงมา เราก็เห็นว่า พ.ร.ก.น่าจะไม่ออกโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ” นายนิโรธกล่าว

เมื่อถามว่าความชะงักงันที่เกิดขึ้นใครต้องรับผิดชอบ นายนิโรธกล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ มันมี 2 แนวทางที่เคยปฏิบัติหากคว่ำ พ.ร.ก. คือลาออก หรือยุบสภา หรือไม่รับผิดชอบ ไม่ทำอะไรเลยก็ได้ แต่คิดว่ารัฐบาลต้องเลือกยุบสภา เพราะอย่างไรเขาก็เลือกจะยุบสภาอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้ประเทศและหน่วยงานเดินหน้าได้ เราจึงควรเลือกทางที่ดีที่สุดให้ประชาชน