“วิญญัติ” บุก กกต. จี้สอบ “ปลื้ม สุรบถ” ลูกชาย ปธ.ชวน ถือหุ้นสื่อ เข้าข่ายเป็นส.ส.ผิดกฎหมายหรือไม่ ขอใช้มาตรฐานเดียวกับคนอื่น ไม่มีเลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ สอบสวนการเลื่อนอันดับเพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ของนายสุรบถ หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แทนนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ซึ่งได้มีหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ว่ามีลักษณะเข้าข่ายบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. และจะทำให้กระบวนการเป็น ส.ส. ขัดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดหรือไม่
โดย นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนทราบจากสื่อมวลชนที่ได้นำเสนอผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจกิจการโฆษณา มีนายสุรบถ ในฐานะกรรมการบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ตนจึงนำไปเทียบกับกรณีอื่นๆ ว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชน ตามความมาตรา 98(3) ของรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร หากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชนใดๆ อาจส่งผลต่อความเป็น ส.ส.ของนายสุรบถ ให้สิ้นสุดลง หรือเป็นการเข้ารับตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบด้วยหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ตนทราบว่า ภายหลัง กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ที่แม้ขณะนั้นนายสุรบถจะอยู่ในลำดับตามบัญชีที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ตาม แต่ตามกฎหมายยังคงสถานะการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามด้วย ซึ่งตนเห็นว่าต่างกับการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
นายวิญญู กล่าวต่อว่า ประกอบกับเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ในช่วงที่ กดต.ประกาศผลการเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อของพรรค ปชป. นายสุรบถ เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และพ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 42(3) นายสุรบถ เป็นกรรมการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโฆษณา ระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2566 และเป็นกรรมการบริษัทอีกแห่ง (เอกชนที่สอง) ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2558 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2563 และจากหลักฐานพบว่านายสุรบถ ได้โอนหุ้นบริษัทเอกชนแห่งแรกจำนวน 29,998 หุ้นให้แก่นางภักดิพร สุจริตกุล เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ลักษณะโอนกลับไปกลับมา ระหว่างบุคคลสองคน ในขณะที่นายสุรบถ ก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทเอกชนนั้นอยู่ และในขณะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรค ปชป.
นายวิญญู กล่าวต่อว่า ดังนั้น 30 เมษายน 2562 จึงถือเป็นบุคคลเข้าข่ายเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และพ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 42(3) มีข้อสังเกตว่าหลังจากที่นายอิสระ ได้ลาออกจากการเป็นส.ส.เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ประธานรัฐสภา ก็ออกประกาศรับรองการเป็น ส.ส.ของนายสุรบถ ในวันรุ่งขึ้นทันที ตนในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ติดตามการบังคับใช้กฎหมายของ กกต. และการตีความขององค์กรศาลที่เคยเป็นกรณีตัวอย่าง กรณีนี้จึงขอให้ กกต.ได้ตรวจสอบ สอบสวน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนได้แนบหลักฐานจากการสืบค้นทางทะเบียนมาด้วย