‘สนธิญา’ ร้อง กกต.ยุบเพื่อไทย ปมให้ ‘ณัฐวุฒิ’ ขึ้นปราศรัย ทั้งที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง

“สนธิญา” ร้อง กกต.ยุบเพื่อไทย ปมให้ “ณัฐวุฒิ” ขึ้นปราศรัย ทั้งที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ กกต.กรณีที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งถูกศาลฎีกาพิพากษา จำคุก 2 ปี 8 เดือน และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ในคดีปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เข้าดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในพรรคเพื่อไทย โดยนายสนธิญากล่าวว่า นายณัฐวุฒิ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง ได้มีการขึ้นปราศรัยในเวทีของพรรคเพื่อไทย สนับสนุนผู้สมัคร และเปิดเผยนโยบายของพรรค ด้อยค่าบุคคลอื่นแม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สบาย ก็นำขึ้นไปกล่าวบนเวที

ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้นายณัฐวุฒิมีส่วนร่วมในเวทีต่างๆของพรรค จึงเป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 258 (2) ที่ระบุว่าการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองต้องมีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและการคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรมจริยธรรมเข้ามาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะฉะนั้นกรณีการที่นายณัฐวุฒิ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไม่มีสิทธิที่จะลงคะแนนเลือกตั้ง หรือการทำประชาพิจารณ์ทั้งสิ้น แล้วมีสิทธิอะไรขึ้นไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง

นายสนธิญากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ยื่นคำร้องกรณีที่ นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในการปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 โดยระบุว่า “นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองที่มีอดีตรัฐมนตรีช่วยวีรศักดิ์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม) มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด จ.นครราชสีมา และมีพรรคเพื่อไทย รวมเป็นแกนเดียวกัน จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์” ซึ่งปัญหาคือการที่ นพ.ชลน่านระบุเช่นนี้ นายวีรศักดิ์และ อบจ.นครราชสีมา เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยหรือไม่

Advertisement

ทั้งนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 ระบุว่าห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมือง และกฎหมายเดียวกันในมาตรา 29 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวสามารถนำไปสู่การดำเนินการสั่งยุบพรรคกาาเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92(3) ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image