นายกฯ กราบหลวงพ่อโสธร ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา เจ้าอาวาส ขอบิ๊กตู่ ‘อย่าใจร้อน’

ภารกิจวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เมืองแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา กราบสักการะพระพุทธโสธร โดยมีแฟนคลับร่วมขอพรให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

ในตอนหนึ่ง พระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ได้เจริญพระพุทธมนต์และให้ศีลให้พรกับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางมา และได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลองปี 2566 รุ่น 1 ขนาดหน้าตัก 7 นิ้ว และเหรียญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากน้ำ ปีที่ 250 พ.ศ.2563 รุ่น 10

โดยช่วงหนึ่ง พระราชภาวนาพิธานได้ให้พรกับนายกรัฐมนตรีขอให้สุขภาพแข็งแรง พร้อมกล่าวด้วยว่า ขอให้อย่าใจร้อน

โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบกลับว่า “ทำอะไรก็จะใจเย็นๆ” (อ่านข่าว ‘บิ๊กตู่’ ลุยแปดริ้ว ไหว้หลวงพ่อโสธร เอฟซีอธิษฐานขอให้กลับมาเป็น นายกฯอีก)

Advertisement

สำหรับประวัติความเป็นมาของ พระพุทธโสธร นั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี กรมศิลปากร ระบุที่มา ตำนาน และรูปแบบทางพุทธศิลปกรรมของหลวงพ่อโสธร ว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ราว พ.ศ. 2313 มีตำนานแสดงถึงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าเดิมทีนั้นประดิษฐานอยู่ทางภาคเหนือ

ต่อมาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ระส่ำระสายจึงได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำลงมาพร้อมกับพี่น้อง 3 องค์ พระพุทธรูปองค์พี่มีขนาดใหญ่ล่องไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ชาวประมงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อบ้านแหลม” พระพุทธรูปองค์เล็กล่องเข้าไปที่คลองบางพลี คือหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนพระพุทธรูปองค์กลางนั้นล่องไปทางแม่น้ำบางปะกง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดหงส์ ชาวบ้านจำนวนมากช่วยกันยกฉุดแต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นจากน้ำได้ จนมีอาจารย์ผู้หนึ่งได้ทำพิธีบวงสรวง และใช้ด้ายสายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นจากน้ำเป็นอันสำเร็จ วัดหงส์นี้กาลภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโสธร และขนานนามพระพุทธรูปศักดิ์สิทธินี้ตามชื่อวัดคือ “หลวงพ่อโสธร”
.
พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม รศ. 125 (พ.ศ. 2451) คราวเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี ทรงกล่าวถึงพระพุทธโสธรไว้ว่า
“…กลับมาแวะวัดโสธรซึ่งกรมหลวงดำรงคิดจะแปลว่า ยโสธร จะให้เกี่ยวข้องแก่การที่ได้สร้างเมื่อเสดจกลับจากไปตีเมืองเขมรแผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถหรือเมื่อใดราวนั้น แต่เปนที่น่าสงสัยด้วยเห็นใหม่นัก พระพุทธรูปว่าทำด้วยศิลาแลงทั้งนั้น องค์ที่สำคัญว่าเปนหมอดีนั้นคือองค์ที่อยู่กลาง ดูรูปตักและเอวงามเปนทำนองเดียวกันกับพระพุทธเทวปฏิมากร แต่ตอนบนกลายไป เปนด้วยฝีมือผู้ที่ไปปั้น ว่าลอยน้ำมาก็เปนความจริง เพราะเปนพระศิลาคงจะไม่ได้ทำในที่นี้ ความนิยมนับถือในความเจ็บไข้อยู่ข้างจะมาก มีคนไปมาเสมอไม่ขาดจนถึงมีร้านธูปเทียนประจำอยู่ได้ ทั้งสี่สะพานและที่ประตูกำแพงแก้วกว่า 20 คน ถามดูว่าขายได้อยู่ในวันละกึ่งตำลึง มีทอดติ้วพวกจีนเข้ารักษา เจ้าศรีไสยถวายกำปั้นเหล็กเจาะช่องไว้สำหรับเรี่ยไรใบหนึ่ง…”
ภาพถ่ายหลวงพ่อโสธรจากป้ายจัดแสดงขั้นตอนการอนุรักษ์โดยวัดโสธรวรารามวรวิหาร ร่วมกับกรมศิลปากร ในการปฏิบัติงานอนุรักษ์หลวงพ่อโสธร (ภาพถ่ายโดย Nontapron Youmangmee เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2565) อ้างอิงจากเวปไซต์นิตยสารศิลปวัฒนธรรม
จากเนื้อความดังกล่าวแสดงหลักฐานว่าพระพุทธโสธรนี้เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหิน อภินิหารความศักดิ์สิทธิขององค์พระพุทธโสธรทำให้มีผู้คนเดินทางมาบูชาสักการะเป็นจำนวนมากมิได้ขาดมาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 จวบจนมาถึงปัจจุบันก็ยังมีประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธามากราบขอพรให้สำเร็จสมความปรารถนาอยู่เป็นจำนวนมาก
.
ด้านพุทธศิลป์ พระพุทธโสธรเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบแสดงปางสมาธิ พระเนตรเล็กและเหลือบลงต่ำ ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นทรงสูง สัดส่วนพระอุระค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับพระเพลาที่ดูกว้าง สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่ยาวจรดพระนาภี ปลายแยกเป็นสองชายคล้ายเขี้ยวตะขาบ ด้วยลักษณะสำคัญเช่น พระพักตร์ พระเศียร พระรัศมี รูปแบบชายสังฆาฎิ และเทคนิคการสร้างอ้างอิงจากการอนุรักษ์ครั้งสำคัญราวปี พ.ศ. 2543 โดยกรมศิลปากร ซึ่งมีนายสุวิชญ์ รัศมิภูติ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้ควบคุมการบูรณะในขณะนั้น พบว่าพระพุทธโสธรเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินทรายแยกเป็นชิ้นรวมจำนวน 11 ชิ้น นำมาประกอบเข้าด้วยกันและลงรักปิดทอง ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างพระพุทธรูปในสมัยอยุธยาตอนต้น
ศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์ อาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาศิลปากร กำหนดรูปแบบเป็นพระพุทธรูปแบบอู่ทองรุ่นที่ 2 สมัยอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 20
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2535 เล่มที่ 109 ตอนที่ 177 น.8

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image