⦁…เวลาเดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปีอีกรอบ เป็นวาระแห่งการทบทวน “ที่ผ่านมา” และประเมิน “ที่จะเป็นไป” เพื่อ “วางแผนเผชิญความเป็นจริง” แน่นอน ที่ไม่เดือดร้อนมากจะ “มองสถานการณ์อย่างมีสติ ยืนอยู่กับความเป็นจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” แต่ฟากที่เดือดร้อนนั้น มี 2 พวกเสมอ “พยายามมองด้วยความหวังมากกว่าที่เป็นจริง” กับ “มองด้วยจิตตก ห่อเหี่ยวมากกว่าที่เป็นจริง” ประเด็นสำคัญคือ “ข้อมูลจากคนกลุ่มไหนจะมีอิทธิพลชี้นำอารมณ์ของสังคมมากกว่า”
⦁…แน่นอน “ผู้รับผิดชอบบริหารประเทศ” ที่แรงกดดันจะลดลงอยู่ที่ “ประชาชนยังรู้สึกมีความหวัง” จำเป็นต้องนำเสนอ “ข้อมูลที่ให้ความรู้สึกมีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่” ขณะที่ “กลุ่มที่ยืนอยู่อีกฟาก” ย่อมนำเสนอ “สถานการณ์ชวนหวาดกังวล” ให้ประชาชนได้รับรู้ ประเด็นอยู่ที่ “แต่ละคนที่เป็นตัวรับข้อมูล” จะเลือกเชื่อแบบไหน “เชื่อเพราะวางใจไว้เป็นฝ่ายเดียวกัน” หรือ “ชั่งใจให้เชื่ออย่างมีสติกลั่นกรองข้อมูล มองผ่านมายาภาพที่แต่ละฝ่ายใช้นำเสนอได้”
⦁…คนที่ฉลาดพอ “จะกลั่นจนได้ข้อมูลที่เป็นจริง” หลังจากนั้นจะ “เลือกว่าจะใช้อย่างมีความหวัง หรือใช้เพื่อให้เกิดความระมัดระวังเป็นพิเศษ” ชั่วโมงนี้ข้อมูลที่ถกกันหนักบนกระดานการเมือง เป็น “ตัวเลขจีดีพี” ที่มีทั้ง “เติบโตมาก” และ “เติบโตทุลักทุเล” เรื่องราวที่คนทำมาหากินควรจะรู้ว่า “จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร” กลายเป็น “เศรษฐศาสตร์” ที่เอามาใช้เพื่อ “ผลทางการเมือง”
⦁…จะทุบ “สะพานข้ามแยกรัชโยธิน” ทดลองปิดสะพาน 1 สัปดาห์ดูว่ารถจะติดไหม ปรากฏ “ติดวินาศสันตะโร” นึกว่าจะหาทางแก้ไขได้ ดูเหมือนว่าคิดไปคิดมาแล้ว เหมือน “ไม่ได้คิดอะไร” สั่ง “ปิดถนนทุบสะพานกันไปเรียบร้อย” ได้แค่บอกให้ “คนกรุงเทพฯ” ทำใจ จะ “ติดวายป่วงไปอีก 2 ปี” จนกว่า “ทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว” จะเสร็จ ยาม “อกไหม้ไส้ขมกับเงินหายาก ข้าวยากหมากแพง” ทำใจกับ “เผาน้ำมันทิ้งไปวันๆ โดยทั้งไม่ได้ระยะทาง และเสียเวลาทำมาหากิน” อย่างไรไม่ให้เจ็บปวด
⦁…แม้ไม่รู้ว่าที่แน่นอนนั้นเมื่อไร เพราะถามทีไร “ผู้มีอำนาจ” บอกได้แค่ “ตามโรดแมป” แถมแผนที่การเดินหน้าที่ไม่แน่นอน “ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุกฝ่ายไม่ใช่ผมคนเดียว” แต่ “เลือกตั้งจะต้องมีขึ้นสักวัน” เพื่อ “ช่องทางสัมพันธ์กับนานาประเทศจะมีทัศนวิสัยไม่มืดมัว” ดังนั้น “นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง” ซึ่งที่ผ่านมาถูกถล่มจนบักโกรก ไม่เหลือสภาพ “คนดีศรีสังคม” ให้ “ผู้คนฝากศรัทธาไว้” น่าจะจำเป็นต้อง “รวมพลังกันปรับภาพ” ให้ประชาชนได้รับรู้ถึง “ประโยชน์ในการมีนักการเมือง” ซึ่งการทำงานคงไม่ใช่แค่ “โจมตีคนอีกฝ่าย” แล้วหวังว่าราคาตัวเองจะดีขึ้น
⦁…แผ่นดินใต้ยามนี้ “อุทกภัยสาหัสทุกพื้นที่” น่าแปลกใจคือ ความเคลื่อนไหวเพื่อ “ยืนเคียงบ่าร่วมทุกข์กับประชาชน” ของ “นักการเมือง” แทบไม่มีให้เห็น ทั้งที่ “โลกของสื่อก้าวหน้าไปไกล” ไม่ว่าใครจะทำอะไร ยากที่คนอื่นจะไม่รู้ โดยเฉพาะ “งานจิตสาธารณะ” ร่วมบรรเทาทุกข์ แปลกที่ “ประชาชน” กลับต้องเผชิญทุกข์ภัยอย่างเดียวดาย มีบ้างก็เป็น “นักการเมืองท้องถิ่น” ที่ไม่ทอดทิ้งพื้นที่
⦁…น้ำท่วมหนักภาคใต้ ว่าไปเกิดขึ้นหลายวัน อย่าว่าแต่ “นักการเมือง” ที่ตอนนี้ “ไม่มีหน้าที่” จะหลงลืมว่าต้อง “เยียวยาตามสัญชาตญาณ” แต่กระทั่ง “ผู้มีหน้าที่ทั้งหลาย” ยังทำเหมือน “ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับงานในหน้าที่” ก่อความรู้สึกว่า “ประชาชนไทยนับวันจะอยู่กับการบริหารประเทศที่ประหลาดมากขึ้นทุกที”
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่