เดินหน้าชน : ‘ซุปเปอร์แลนด์สไลด์’

 แม้ว่าการประกาศแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย (พท.) จะกวาด ส..ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะถึงให้ได้เกินกว่า 250 เสียง จะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

และยิ่งล่าสุดเพื่อไทยกลับเดินหน้ารุกหนักยิ่งขึ้น ประกาศกวาดที่นั่ง ส..มากกว่าเดิมคือ 310 เสียง เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์แลนด์สไลด์ดูเหมือนโจทย์จะยิ่งยากขึ้นไปอีก

แต่การใช้กลยุทธ์หาเสียงเช่นนี้ ย่อมสร้างความฮึกเหิมให้พลพรรคเพื่อไทยได้ไม่น้อย

เพราะการประกาศตอกย้ำทุกวันๆ หนักๆ เข้า เชื่อว่าคู่แข่งย่อมอ่อนไหวได้แน่นอน 

Advertisement

แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว หากวิเคราะห์เจาะลึกกันถึงตัวผู้สมัครแต่ละพื้นที่แล้ว 

เพื่อไทยยังไม่สามารถดึงผู้สมัครเกรดเอ มีโอกาสชนะเลือกตั้งได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

เพราะมีพรรคอื่นๆ วางตัวผู้สมัครที่ไม่ธรรมดา อยู่ในระดับเกรดเอไม่น้อยในหลายพื้นที่

Advertisement

นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญ ประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทยนั้นคือฝ่ายไม่เอา พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์

ในขณะที่ฐานเสียงส่วนใหญ่ของเพื่อไทย ค่อนข้างใกล้เคียงและทับซ้อนกับพรรคฝ่ายค้านด้วยกันอย่างพรรคก้าวไกล

หรือแม้แต่พรรคใหม่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกันอย่างพรรคไทยสร้างไทย ก็ล้วนแล้วแต่มีฐานเสียงทับซ้อนกันอยู่ไม่น้อย

ประชาชนที่ไม่ชอบ พล..ประยุทธ์ ไม่ชอบขั้วที่ทำรัฐประหาร สืบทอดอำนาจ

จะหันมาเลือกลงคะแนนเสียงให้พรรคหลักๆ ทั้งเพื่อไทย ก้าวไกล ไทยสร้างไทย และพรรคอื่นๆ ที่มีความชัดเจนในหลักการประชาธิปไตย

นอกจากนี้ จากบทบาทในการทำงานของ ส..พรรคก้าวไกล ถือว่าการทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่ผ่านมานั้น โดดเด่นและชัดเจน เข้าตากรรมการ

จึงกลายเป็นอุปสรรคของพรรคเพื่อไทยในการจะก้าวไปสู่จุดแลนด์สไลด์

ณ วันนี้เวลานี้ จึงมองว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะได้ ส..ประมาณ 200 กว่าที่นั่ง มากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ได้ ส..มา 136 ที่นั่ง

การเลือกตั้งครั้งนี้จะแตกต่างจากเมื่อปี 2562

เพราะครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านทำผลงานค่อนข้างดี และมีเวลาเตรียมตัวนาน

ที่สำคัญพรรคฝ่ายรัฐบาลก็ตกอยู่ในสภาพแตกแยกกันไม่น้อย

เกิดการแย่งฐานเสียงกันอย่างหนักในแต่ละพื้นที่ไม่ต่างจากพรรคฝ่ายค้าน

และเป็นปกติประชาชนคนไทยมักจะเบื่อหน่ายการทำงานเป็นรัฐบาลของฝั่งขั้ว พล..ประยุทธ์

ยิ่งอยู่มานานถึง 8 ปี มีสารพัดปัญหา ทั้งเรื่องปากท้อง 

โดยเฉพาะเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมถ่างกว้างขึ้น

เกิดความกังวลสงสัยในกระบวนการยุติธรรม นับวันยิ่งสร้างความคลางแคลงใจให้ประชาชนเพิ่มขึ้นทุกวัน

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะที่มาของรัฐบาลมาจากการทำรัฐประหาร เปรียบเหมือนต้นไม้พิษหรือไม่ 

สืบทอดอำนาจมานานถึง 8 ปี โดยใช้แทคติคทางกฎหมาย จึงทำให้เกิดลูกไม้พิษตามมาจริงหรือไม่

ส่งผลให้ระบบการตรวจสอบอำนาจ การถ่วงดุลอำนาจ ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอ่อนแออ่อนล้าเต็มที

ตอนนี้เรียกว่าแตะไปตรงไหนก็เจอ แตะไปตรงไหนก็โดน ความฟอนเฟะเน่าในของระบบราชการ 

ทั้งเรื่องการทุจริต การเรียกรับสินบน การช่วยเหลือพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย ย่ามใจทำกันแบบไม่ละอายต่อบาปใช่หรือไม่

หากปล่อยให้เนิ่นนานไป ย่อมส่งผลเสีย ทำให้ข้าราชการน้ำดีอีกจำนวนมากเกิดความท้อแท้เหนื่อยหน่าย เป็นอันตรายต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง

เกิดคำถามว่า ในเมื่อที่มาของรัฐบาลเป็นแบบนี้ มีที่มาแบบนี้ บรรดาข้าราชการหลายคนถึงได้ย่ามใจ กล้าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ 

ปากพร่ำบ่นถึงการปฏิรูปประเทศ เอามาเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร

แล้วจนป่านนี้การปฏิรูปไปถึงไหนแล้ว ก็เห็นกันอยู่

ดังนั้น หากเพื่อไทยต้องการจะไปถึงจุดแลนด์สไลด์ จะมองว่ายากก็ยาก จะมองว่าง่ายก็ง่าย

สิ่งสำคัญอันดับแรก ผู้สมัคร ส..จะต้องเดินหน้าลุยแต่ละพื้นที่แบบดับเครื่องชน 

อย่ามัวรอแต่โหนกระแสพรรค ใช้เวลาที่เหลืออยู่ประกาศนโยบายที่โดนใจประชาชนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

พยายามดึงคะแนนเสียงของอีกขั้วให้ย้ายฝั่งมาเพิ่มให้ได้ โดยใช้นโยบายและคุณสมบัติของตัวผู้สมัครมัดใจประชาชน

เชื่อว่าเพื่อไทยจะไปสู่ฝั่งฝันได้เป็นรัฐบาลได้ไม่ยาก หากประชาชนให้การยอมรับ

เสียงของ 250 ..ในการโหวตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป

ที่สำคัญถ้า นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะกลับมาขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรม 

รับรองว่าไม่ใช่แค่แลนด์สไลด์แต่จะกลายเป็นซุปเปอร์แลนด์สไลด์แน่นอน

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image