เช็กลิสต์ ‘5 ป้า’ ท้าชนประยุทธ์ ย้อนวีรกรรมโต้กลับ ใส่เดี่ยวท่านผู้นำติดยศ

เช็กลิสต์ ‘5 ป้า’ ท้าชนประยุทธ์ ย้อนวีรกรรมโต้กลับ ใส่เดี่ยวท่านผู้นำติดยศ

ปิดปาก กระชาก ลากตัวไปข่มขู่ว่า “ห้ามพูด” แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้าม กลับสร้างเสียงวิพากษ์หนาหู กระแสพัดหราบนหน้าฟีด

จากปม “ป้านา บ้านโป่ง” หรือ วันทนา โอทอง สุภาพสตรีสูงวัย ผู้ถูกบอดี้การ์ดบิ๊กตู่ ฉุดตัวเอาร่มบัง กันสื่อถ่ายช็อตเด็ดที่สุดแสนจะอุกอาจ ขณะยืนดักรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตรวจราชการที่อำเภอบ้างโป่ง จ.ราชบุรี สะกิดให้นึกถึงหญิงรุ่นใหญ่ที่มีวีรกรรมเด็ดไม่แพ้กัน แม้ไม่มีแสงสาดส่อง แต่ยังต่อสู้ เคลื่อนไหวไม่เว้นวัน

‘ป้านา ป้าเป้า ป้าพร ป้ารุญ ป้าบังอร’ ทีมป้าแฟลชม็อบที่เจอตัวได้ในม็อบทุกวาระ เพราะความไม่เป็นธรรมในการใช้อำนาจ ได้สร้าง ‘วีรกรรมโต้กลับ’ บนท้องถนน จากสตรีซึ่งอยู่ในวัยควรได้นอนพักที่บ้าน รับเงินบำรุงผู้สูงอายุจากรัฐบาล

  • ป้านา ไม่ธรรมดา ชิงชัยผู้แทนคนบ้านโป่ง 

สำหรับ วันทนา หรือ “ป้านา” ใช้ชีวิตมาแล้ว 62 ปี ยอมรับว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ยืนยันชัดว่ามาด้วยใจ ไม่ได้รับงานใคร จะมาคุยความเดือดร้อนกับนายกฯ ที่ค้าขายไม่ดี กลับต้องมาหยุดขายของเพราะบาดแผลครั้งนี้

Advertisement

“ในฐานะที่ป้าเรียกว่า… ขอโทษนะคะ เป็นคราวรุ่นแม่เขาก็ได้ ถ้านายกฯ จะเป็นคนของประชาชน นายกฯ ต้องรับฟังประชาชนได้”

คือวาทะเด็ดของป้านา ผู้ใช้โอกาสในวันเดินทางไปแจ้งความกลับที่ บก.ปอท. (14 มี.ค.) ปูดปมใหม่ต่อหน้าสื่อ ว่าชาวบ้านที่มีสิทธิไปเข้าพบนายกฯ ได้รับ “ค่าเดินทาง”

Advertisement

“ป้าพูดถึงชาวบ้านที่ได้รับสิทธิในการเข้าพบนายกฯ ที่มีค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ซึ่งทีมงานจัดสรรให้ ป้าบอกก็ว่า ‘ดีเนาะ ยอมถอยให้พี่น้องเราได้อิ่มปากอิ่มท้อง เงินก็จะได้สะพัด ป้าก็จะขายของดีขึ้น’ คือมันเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ พูดง่ายๆ ค่าเดินทาง ให้ประชาชนที่เขามาร่วม” ป้านาเล่าให้สื่อฟัง

ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน แต่แท้จริงแล้วโปรไฟล์เด็ดไม่ธรรมดา

เธอเคยสวมเสื้อ ‘เพื่อชาติ’ เมื่อครั้งที่มี สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เป็นหัวหน้าพรรค อ้อนคนบ้านโป่ง ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 ราชบุรี ในปี 2562 สู้กับ “บิ๊กเนม” ในจังหวัด ทั้ง “ส.ส.แจ๊คกี้” ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร “เสี่ยมุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ นักธุรกิจทายาทเครือวงษ์พิทักษ์ ก่อนชิงเส้นชัยได้ที่ 7 จากผู้สมัครหลัก 20 กว่าคน

ป้านา บ้านโป่ง
  • ‘ป้าเป้า ทะลุกี’ พลังวาจา ประจันหน้าเผด็จการ 

วรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า ทะลุกี แม่ค้าวัย 68 ปี มีวีรกรรมที่จำติดตา
ตั้งแต่แหกขา ด่าตำรวจกลางอนุสาวรีย์สมรภูมิ ถูกจับกลางที่ชุมนุมมานับไม่ถ้วน แม้กระทั่งม็อบ “ราษฎรหยุด APEC2022” เมื่อ พ.ย.ปี 65 ด้วยพลังจาก ‘วาจา’ เป็นเครื่องด่าที่ไม่ก้าวร้าวกับเผด็จการ แต่สุภาพกับมวลชน เรียกว่าสู้ไม่หยุด ทุกม็อบต้องมีป้าเป้า ซึ่งมักจะขนของไปนั่งขายหารายได้เพื่อใช้เงินนั้นเดินทางไปม็อบ วนไปจนกว่าไทยจะเป็นประชาธิปไตย ลูกหลานมีอนาคตที่ดี เพราะอดีตของป้าเป้าต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการขายบริการ

ช็อตที่จำได้ไม่ลืม เกิดขึ้นหลังพ้น 6 โมงเย็นไปได้แค่ 15 นาที ป้าเป้าฝ่าการปะทะ ฉีดแก๊สน้ำตา ปาสี ยิงประทัด ระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม ก่อน คฝ.จับเยาวชนไป 2 ราย และยืนตั้งแนวหน้ากลุ่มทะลุฟ้า กันไม่ให้ม็อบ 28 กันยายน 2564 บุกไปทำเนียบเพื่อไล่บิ๊กตู่ ประกาศลั่นว่า ตำรวจแค่มายืนตั้งแนวรักษาความสงบเฉยๆ

ทันใดนั้น ‘ป้าเป้า’ ค่อยๆ เปลื้องผ้า ทั้งเสื้อ กระโปรง ตามมาด้วยชุดชั้นใน จนกระทั่งเปลือยทั้งร่าง ยืนยั่วล้อต่อหน้าแนวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ประท้วงการจับกุมเยาวชน สร้างความฮือฮาถึงความกล้าหาญ ประจันหน้าเผด็จการ แม้ล่าสุดจะโดน 2 ข้อหา กระทำขายหน้าต่อธารกำนัน และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ตาม

แต่นี่เป็นอีกเครื่องยืนยัน ถึงการที่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่รับใช้ประชาชน

ป้าเป้า

อ่านข่าว : ทะลุฟ้า ยุติม็อบ 28 ก.ย. ป้าเป้า เปลือยกายหน้าคฝ. ผู้ชุมนุมถูกจับเพียบ บางรายถูกทำร้ายบาดเจ็บ

  • ‘ป้าบังอร’ นักทวงสิทธิ

เหมือนที่ป้านา เชื่ออย่างแรงกล้าว่า ประชาชนมีสิทธิคุยกับนายกฯ

“ป้าบังอร” คืออีกหนึ่งคนที่เชื่อใน ‘สิทธิเสรีภาพของประชาชน’ มาโดยตลอด เดินทางไปทำกิจกรรมยืนหยุดขัง กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับแทบทุกวัน แม้บางครั้งที่ม็อบเคลื่อนขบวน เดินไม่ไหว ก็จะไปดักรอเพื่อเพิ่มจำนวนนับเสมอ

เธอมาพร้อมอาวุธส่วนตัว คือ ‘ร่ม’ ที่ห้อยข้อความเรียกร้องซึ่งเปลี่ยนไปตามวาระ

“สงสารน้องตะวัน น้องอดข้าวมา 35 วัน ไม่ได้กินข้าวเลย” ป้าบังอร เล่าเหตุผลที่ไปม็อบ เมื่อ 25 พ.ค.2565 วันที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) “เดินหยุดขัง” #เดินไปบอกศาลให้ทำตามกฎหมาย คืนสิทธิการประกันตัวให้กับผู้ต้องหาการเมือง

ทั้งยังเน้นย้ำว่า สิทธิการประกันตัวสำคัญมาก

“จับลูกหลานเยาวชนของป้าเข้าไปกักขัง ทั้งที่เขายังไม่มีความผิดอะไร ขอให้เขาประกันตัวออกมา เพราะเขายังเรียนอยู่ อย่างน้องเก็ทอีกคน ก็จะต้องสอบ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศ ต้องปล่อยให้เขาออกมาสอบ ประกาศอดอาหารด้วย เป็นห่วงสุขภาพทั้ง 2 คน เป็นห่วงทั้งน้องตะวันและน้องเก็ทมาก” ป้าบังอรกล่าว

ป้าบังอร

อ่านข่าว : ‘ยืนหยุดขัง’ หน้าศาลอาญา ขอราชทัณฑ์พูดความจริง ปชช.บางส่วนปูเสื่อค้างคืน ลุ้นไต่สวน ‘ตะวัน’ พรุ่งนี้

  • ป้ารุณ ผู้ทวงเสียงประชาชน
ป้ารุณ ยืนหยุดขัง

ไม่หวือหวา แต่มาทุกม็อบ “ป้ารุณ” เดินทางจากบ้านพาหุรัด มาเพื่อยืนหยุดขังทุกวัน ที่หน้าศาลฎีกา

“ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว” เป็นวลีที่เชื่อว่า “ป้ารุณ” ต้องเปล่งเสียงออกมาทุกเมื่อเชื่อวัน

ป้ารุณ เป็นหนึ่งในไม่ถึง 10 คน ที่ร่วมยืนหยุดขัง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวตั้งแต่เฟสแรก จนปัจจุบันนี้ ทั้งยังทำงานเพื่อภาคประชาสังคม ร่วมกับมูลนิธิแห่งหนึ่ง ช่วยเหลือคนไร้บ้านอย่างไม่หยุดหย่อน

ย้อนกลับไป 16 มกราคม 2562 ที่แยกราชประสงค์ ‘ป้ารุณ’ เคยปรากฏในหน้าสื่อ ครั้งเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง หวังไม่ให้รัฐบาลในขณะนั้นเลื่อนกำหนดการเข้าคูหา เพราะหากเกินวันที่ 10 มีนาคม จะเสี่ยงโมฆะ

ถือเป็นอีกสตรีที่ให้ความสำคัญกับเสียงของประชาชน

  • 6 ตุลา ปลุก ‘ป้าพร’ สู้ไม่หยุด

“ป้าพร” หรือ พรนิภา งามบาง เป็นที่คุ้นหน้าของตำรวจสันติบาล เพราะเคลื่อนไหวมาตั้งแต่จำความได้

เธอ เป็นหญิงสูงวัยจาก จ.สมุทรปราการ เกิดในปี 2487 ช่วงที่เสรีไทยยังมี ถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ยุคคนอยากเลือกตั้ง ศูนย์ทนายความเผยว่า ‘ป้าพร’ โดนข้อหาสารพัดทั้ง “MBK39” “PTY12” “RDN50” “Army57” หรือ “UN62” ผ่านม็อบก่อนเกิดรัฐประหาร ปี 2557 ชุมนุมกับคนอยากเลือกตั้ง กระทั่งมีทหารไปเฝ้าหน้าบ้าน

ปรากกฏตัวมาแล้ว ตั้งแต่ท้องถนน สถานีตำรวจ จนถึงศาล เอกลักษณ์คุ้นตา คือจะมาพร้อมเสื้อลายดอก สะพายกระเป๋าเล็กๆ สวมริชแบรนด์สีแดงไว้ที่ข้อมือ ความแปลกคือ ไม่ได้ตามการเคลื่อนไหวผ่านโลกออนไลน์ ไม่มีไลน์ เฟซบุ๊ก มีเพียงมือถือปุ่มกด จึงเลือกใช้วิธีจดใส่สมุดโน้ตเล็กๆ สีแดง และกระดาษเปล่า ฟังข่าวสารตามรายการทีวี วิทยุ รวมทั้งรอเพื่อนโทรศัพท์มาชวนไปชุมนุม

สมกับสมญานาม ‘ป้าสายม็อบ’ เพราะตั้งแต่ยุคคนเสื้อแดง เรื่อยมาจนถึงราษฎร 2563 สู่ยุคม็อบมวลชนอิสระ

ป้าพร เคยเปิดเผยกับ ศูนย์ทนายฯ ว่า สนใจการเมืองมานานมาก ตั้งแต่ตอนปี 2519

“เหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาที่ธรรมศาสตร์ ป้าพลัดหลงกับแม่ที่ท่าพระจันทร์ เพราะไปเดินซื้อของ และวิ่งหลบใต้บันไดที่ธรรมศาสตร์ นอนตรงนั้นหลายชั่วโมง เพราะแบบนี้เรื่องสู้ทางการเมือง ป้าจึงไม่ชอบพวกอำมาตย์ชาติชั่ว ป้าไม่ชอบมาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีสีแดง-เหลืองด้วยซ้ำ ตอนนั้นมีแต่นักศึกษาออกมาสู้แล้วถูกจับให้แก้ผ้า ทำทุเรศมาก”

ป้าพร เล่าย้อนถึงบาดแผลที่ไม่เคยสมาน เป็นเหตุผลฝังใจที่ขับเคลื่อนให้สู่ต่อไป

ป้าพร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image