ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดี ปตท. กล่าวหา’รสนา’กล่าวเท็จ วิจารณ์มีบริษัทลูกในเกาะเคย์แมน

แฟ้มภาพ

วันที่ 8 ธันวาคม นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดี ปตท.กล่าวหา ว่าตนเองกล่าวเท็จเรื่อง ปตท.มีบริษัทลูกหลานในเกาะฟอกเงินที่เคย์แมน 32 แห่ง  โดยระบุว่า

“ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องยกฟ้องคดีที่บมจ.ปตท.กล่าวหาดิฉันว่านำความเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ในบทความที่ดิฉันระบุว่า ปตท.และบริษัทในเครือมีการจัดตั้งบริษัทลูกหลานในเกาะเคย์แมน 32 บริษัท และบริษัทอื่นๆ ในเกาะที่มีชื่อว่าเป็นเกาะฟอกเงิน”

สรุปสาระสำคัญในคำพิพากษา

1) ข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัททั้งหลายต่างเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันจึงเป็นเพียงผลในทางนิตินัยเท่านั้น แต่ด้วยความเชื่อมโยงเกี่ยวพันดังกล่าวมาในเบื้องต้นวิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้โดยสุจริตว่าบริษัทย่อยของ ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEF ที่จัดตั้งขึ้นและดำเนินธุรกิจอยู่ที่เกาะเคย์แมนนั้นเป็นบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือของโจทก์และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโจทก์ด้วย และโจทก์ต้องมีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจให้มีการเปิดบริษัทย่อยและดำเนินการบนเกาะดังกล่าว

Advertisement

2) โจทก์จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบริษัทที่เปิดและดำเนินกิจการบนเกาะเคย์แมนดังกล่าวไม่เกี่ยวพันหรือเป็นบริษัทของโจทก์ตามที่จำเลยกล่าวหา

3) เมื่อคำนึงถึงสถานะขององค์กรโจทก์ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรัฐบาลถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ จึงถือได้ว่าองค์กรโจทก์เป็นสมบัติของชาติที่พลเมืองไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของและมีสิทธิมีเสียงที่จะแสดงความเห็นได้โดยสุจริต

4) ประกอบกับได้ความจากคำตอบคำถามค้านของพยานโจทก์ปากนายจตุพร จันทร์พัฒนะ ว่าบุคคลทั่วไปจะเข้าใจในทำนองว่าบริษัทที่จดทะเบียนบนเกาะเคย์แมนมีวัตถุประสงค์ในการเลี่ยงภาษี ดังนั้น การที่โจทก์ไปจัดตั้งบริษัทย่อยและดำเนินธุรกิจอยู่ที่เกาะเคย์แมนย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเคลือบแคลงน่าสงสัยถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กรของโจทก์ได้

Advertisement

5) การที่จำเลยในฐานะพลเมืองทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภานำเรื่องไม่ชอบมาพากลดังกล่าวขึ้นตีฆ้องร้องป่าวให้คนในชาติรู้ถึงความไม่ปกติและความเสียหายที่อาจจะเกิดมีขึ้นได้โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยจะมีสาเหตุโกรธเคืองหรือมีผลประโยชน์ขัดกันกับโจทก์ด้วย ไม่ปรากฏว่าจำเลยประกอบธุรกิจด้านพลังงานแข่งขันกัน

6) โจทก์เป็นองค์กรมหาชนสมควรที่จะยอมรับให้มีการตรวจสอบจากประชาชนซึ่งไม่น่าจะเกิดความเสียหายใดๆ จึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและเพียงเพื่อต้องการพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติเท่านั้น

7) ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนานำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จและปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

8) ส่วนที่มีบุคคลอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่างกับจำเลย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยจะได้ต่อต้านหรือกีดกันความเห็นที่ไม่คล้อยตามจำเลย โดยยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาสนับสนุนและยินยอมให้บุคคลอื่นนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ของตน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้นจึงยืนตามศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image