“เอก สายไหมต้องรอด” แจงเหตุซบภูมิใจไทย ยัน อยากเป็น ส.ส.เขตสายไหมเท่านั้น
จากกรณีที่ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หรือที่เรียกกันติดปากว่า เอก สายไหมต้องรอด สมัครเข้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสายไหม จนเกิดดราม่าขึ้นมามากมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ เอก มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ที่ถูกมองว่าปัญหามาจากการบริหารของกระทรวงสาธารณสุข ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจากพรรคภูมิใจไทย (อ่านข่าว พรรคภูมิใจไทย ดึง ‘เอก สายไหมต้องรอด’ ร่วมทัพ)
นายเอกภพ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการเจาะลึกทั่วไป อินไซด์ ไทยแลนด์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 มีนาคม ว่า ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ตนทำการเมืองกับทางพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด พอช่วงระยะหลัง ทำกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นผู้ช่วยมานานหลายปี พอช่วงการเมืองเปลี่ยนผ่าน พอฝั่งผู้ใหญ่ของ อนุดิษฐ์ มาตั้งพรรคการเมือง ก็ต้องย้ายพรรคมาด้วย ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยก็ต้องหาตัวผู้สมัคร ทั้งสมาชิก ส.ก. ส.ส. สุดท้าย ไทยสร้างไทย ได้เชิญอดีต ส.ก. ในพื้นที่ของเขตสายไหม จากประชาธิปัตย์มาร่วมงาน
“ผมเองเคยเรียนถาม พี่ป๊อป (น.อ.อนุดิษฐ์) ว่า แล้วพี่ย้ายไป แล้ว ส.ก. ไป แล้ว ส.ส. เขต ไม่ลงแล้วหรือ พี่ป๊อป ก็ตอบว่า อาจจะลงปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส. เขต ก็เป็น ส.ก. ลงไป” เอกกล่าว และว่า
เมื่อข่าวนี้กระจายไป ก็มีผู้ใหญ่ พรรคเพื่อไทย คือนาย วัน อยู่บำรุง ก็มาถามว่า ไม่ได้ลง ส.ส. ไทยสร้างไทยหรือ จึงอธิบายไปว่า ไทยสร้างไทย มีตัวแล้ว นายวัน เลยบอกให้มาลงเพื่อไทยไหม ก็เลยไปเขียนใบสมัคร
สักพักนายวัน แจ้งมาว่า มีคนที่อยากลงเขตสายไหมหลายคน ผู่ใหญ่ฝากฝังมา ก็เข้าใจว่า ตัวเราไม่รู้จักใครเป็นการเฉพาะในเพื่อไทย สุดท้าย พอเพื่อไทย ไปไม่ได้ น.อ.อนุดิษฐ์ ก็บอกว่า ถ้าจะลงกับไทยสร้างไทยก็ต้องเป็นเขตอื่นที่ไม่ใช่สายไหม แต่ผมเกิดสายไหม โตที่สายไหม ทำการเมืองก็ที่สายไหม พี่น้องประชาชน ทุกคน อยากเห็นเราทำงานในพื้นที่ ถ้าต้องไปทำหน้าที่ ส.ส. ในเขตอื่น
“เรียนตรงๆว่า ไม่อยากเป็น ส.ส. ในเขตอื่น ถ้าเป็น ส.ส. เขตอื่น ขอไม่เป็นดีกว่า เพราะผมอยากพัฒนาบ้านผม”
“ผมก็ได้แจ้งไปว่า อยากลงที่นี่ แต่ก็เข้าใจว่า พรรคไทยสร้างไทยต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรพรรค ไม่มีเลย”
เมื่อถามว่า ไทยสร้างไทย ยังไม่มั่นใจ ในแบรนด์ สายไหมต้องรอด ใช่หรือไม่ ว่า ไม่สามารถชนะในเขตสายไหมใช่หรือไม่
เอกบอกว่า คงไม่ขนาดนั้น แต่ช่วงระหว่างที่ก่อตั้งพรรค ทางพรรคเองก็ต้้องคัดสรรบุคคลเข้ามาที่พรรค การคัดสรรบุคคลก็ต้องมีเงื่อนไขบางประการ ถ้าผมไป ก็ต้องได้ลง ส.ส. คือระหว่างนั้น ผู้ที่คัดสรร ไม่ใช่พี่ป๊อป จะมีทีมคอยคัดสรร
ส่วนเหตุผลที่ เพื่อไทยไม่เลือกเอก “เข้าใจว่า พรรคใหญ่ ผมทำใจไว้อยู่แล้ว เพราะเรามานั่งทำงานอย่างเดียว ไม่เคยไปปฏิสัมพันธ์ หรือรู้จักผู้ใหญ่เป็นการส่วนตัวของพรรคเลย เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงานในพื้นที่ของเราไป พอถึงเวลาหนึ่ง ที่พรรคใหญ่มีกระแสดี ใครก็อยากมา ก็เป็นเรื่องปกติและพรรคเองก็คงจะมีกระบวนการในการคัดสรร เชื่อว่าอย่างนั้น ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร ถ้าเราได้มีโอกาส วาสนา ก็คงได้ลงเป็นผู้แทนในพรรคนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้”
ส่วนกรณีที่ นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ให้สัมภาษณ์ที่ระยอง บอกว่า คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในเขตกทม. เขายังระแวงว่า เอกตัดป๊อป ตัดหญิงหน่อย ขาดหรือไหม ดังนั้น ก็ไม่เอาดีกว่า เขาก็ไปเลือกน้องของปวีณา หงสกุล เรื่องนี้ นายวันได้บอกกับเอกหรือไม่
เอกบอกว่า ไม่ได้อธิบายไว้ เข้าใจว่าเป็นดุลพินิจของพรรค ผมไม่เคยต่อว่าอะไร เพราะเป็นเรื่องของกรรมการพรรคในการตัดสินใจ
เมื่อถามว่า แล้วจริงๆแล้ว ตัดขาดจากป๊อป หญิงหน่อย หรือยัง เอกบอกว่า ทางการเมืองความเป็นพี่เป็นน้องมีอยู่แล้ว ในทางการเมืองพอเราไปอยู่พรรคอะไร ตรงไหน เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ทำไมถึงมาลงที่พรรคภูมิใจไทย พรรคที่เอกเคยวิพากษ์วิจารณ์อย่างยับเยินมาแล้ว
เอกบอกว่า “เวลาที่ผมทำงาน ผมทำอย่างตรงไปตรงมา ถ้าอะไรที่ทำงานแล้วไม่คลิกกับพี่น้องประชาชน หรือประชาชนติดขัดตรงไหน ผมก็พูดตามข้อเท็จจริง เราไม่มีอะไรที่จะต้องไปว่า เดี๋ยวพรรคนี้เราไม่อยากพูดถึง กระทบ ผมว่าผมทำงานเพื่อประชาชนและรู้สึกว่า ครั้งสถานการณ์โควิด ถ้าบริหารดี ผมก็ว่าดี แต่ถ้าบริหารไม่ดี ผมก็ต้องติ ให้มีพัฒนาเปลี่ยนแปลงขึ้นมา อันนี้คือข้อเท็จจริง”
เอกกล่าวต่อด้วยว่า “พอช่วงหลัง พอเราไปทำพื้นที่หนักๆ มีสื่อไปนำเสนอข่าว ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาสนับสนุนการทำงานของทีมเรามากขึ้น และเจ้าหน้าที่ที่มาก็บอกว่า ผู้ใหญ่ของกระทรวง ก็คือ นายอนุทิน ทราบ ก็เลยส่งคนมาไม่ว่าจะเป็นชุดตรวจ ยารักษาโรค ก็พยายามสนับสนุนเรา หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่เราพบว่า มีอาการวิกฤต เข้าถึงโรงพยาบาลไม่ได้ เราก็ประสานเจ้าหน้าที่ ก็ช่วยกันหา ทำงานเป็นเครือข่ายกันตลอด ตอนหลังก็ทำงานดีมากขึ้น ก็อะไรที่เคยเป็นปัญหา ก็พูดตรงๆ ไม่ดี ก็บอกว่า ไม่ดี
ผู้ใหญ่ที่ประสานมาคุย ภูมิใจไทยไว้ใจในตัวผม ผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปคุย ก็บอกว่า วันนี้ผมขอเป็นตัวแทนของพี่น้องชาวสายไหม ของกรุงเทพฯ ให้เข้าไปทำงานตรงนี้ และถ้าอะไรที่คนสายไหม หรือกรุงเทพ สื่อสารผ่านผมมา ถ้าได้เป็นส.ส. ผมก็จะเอาปัญหาเหล่านี้ไปบอกตามความจริง
“แล้วถ้าสุดท้ายปลายทางแล้ว พรรคไม่ทำตามหรือว่า ไม่ทำในสิ่งที่คนสายไหม หรือคนกรุงเทพต้องการ ผมก็พร้อมลาออก” เอกกล่าว
เมื่อถามถึงกระแสถล่มในโซเชียล เอกบอกว่า ผมเข้าใจได้ คนส่วนใหญ่รักเรา ตอนเราทำจิตอาสา ก็คาดหวังว่าเราน่าจะต้องอยู่พรรคนี้ พรรคนี้ แต่คือผมเอง ประสบการณ์ทางการเมืองอาจจะมีน้อย การที่เราจะต้องไปอยู่พรรคใดพรรคหนึ่ง เราต้องวิ่ง ใกล้ชิดผู้ใหญ่มากกว่านี้ แต่เราก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว ไม่ได้ไปสนิทกับใครเป็นการส่วนตัวเลย อาจทำให้ ผู้ใหญ่มองอีกมุมหนึ่ง
กรณีที่จะกลายเป็นคนสนับสนุนกัญชาเสรีไปด้วย เอกกล่าวว่า เรื่องกัญชา เหรียญมีสองด้าน ด้านหนึ่งถ้าไปคุยกับผู้ป่วย ก็เป็นประโยชน์ แต่ฝั่งกัญชาเพื่อสันทนาการ ผมยืนยันว่า ผมไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ และถ้าเข้าไปเป็น ส.ส. เขตสายไหม จะเอาเรื่องนี้ ความอึดอัดใจเรื่องนี้เข้าไปพูดคุย และจัดระบบระเบียบให้ได้