‘อำนาจ’ ยื่นไขก๊อก ที่ปรึกษาก้าวไกล รับกังขา ระบบคัด 100 ชื่อ บัญชีชิงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

“อำนาจ” ยื่นไขก๊อก ที่ปรึกษาก้าวไกล กังขาระบบคัด 100 รายชื่อชิงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เตือนอย่าผลักเพื่อนร่วมทางไปอยู่ข้างทาง

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นใบลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมือง กรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรคก้าวไกล โดยมีผลเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาว่า เข้ามาช่วยงานพรรค ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ยังตั้งไข่ คือช่วงปลายปี พ.ศ.2561 และช่วยผลักดันจนผ่านการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2562 จึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมวางยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การเลือกตั้งในครั้งนั้น จนได้ ส.ส. 80 เสียง ซึ่งผิดคาดจากการคาดการณ์ของกูรูทางการเมือง ที่เรียกว่าหักปากกาเซียน และทำงานร่วมกันจนถึงวันนี้ 4 ปี 5 เดือน ถือหลักว่า สบายใจก็อยู่ไม่สบายใจก็ไม่อยู่ เมื่อมีความอึดอัดใจ จึงถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าขอลาออก ด้วยตำแหน่งต่างๆ เหล่านั้น ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามภาระที่พรรคมอบหมายให้ เมื่อเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ ก็ขอลาออกเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีปัญหากับการทำงานร่วมกับแกนนำพรรค ก.ก. บางคนหรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่มีปัญหากับใคร เพราะใช้เหตุผลในการพูดคุย และปรับความเห็นตัวเองให้คล้อยตาม แต่ใครจะมีปัญหากับตน ส่วนนี้ยังไม่สามารถรับรู้ได้

เมื่อถามถึงรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งพบว่ากว่า 70% เป็นคนหน้าใหม่ และส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการ และส.ส.บัญชีรายชื่อเดิม หลายคนไม่มีชื่อลงสมัคร คาดว่าจะสร้างปัญหาในอนาคตหรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า ก็มองเห็นเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าจะให้ตอบปัญหานี้เป็นรายบุคคลคงจะให้ความเห็นทันทีไม่ได้ ตอนที่อยู่ในพรรคก.ก. คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีกำหนดกฎเกณฑ์ไว้พอสมควร ในลักษณะที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม

Advertisement

แต่หลายครั้งนี้กลับไม่ได้ปฏิบัติตามในหลายหลักเกณฑ์ กลายเป็นยกเว้นไปเสียทุกข้อ เช่น 1.การกำหนดไม่ให้สิทธิ ส.ส.เขต สมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และถ้าให้ใครเป็นส.ส.เขตใดแล้ว ต้องห้ามย้ายเขต เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่พบว่ามีการปรับเปลี่ยนย้ายเขตกันตั้งแต่ก่อนที่กกต. จะประกาศรูปแบบการเลือกตั้งออกมา

นายอำนาจ กล่าวว่า 2.กฎเกณฑ์ที่บอกว่าผู้ใดที่ได้รับเลือกจากพรรค ให้ลงสมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) แล้ว จะไม่มีสิทธิของลงส.ส. และ 3.กฎเกณฑ์การพิจารณาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ได้วางเกณฑ์ไว้ว่า จะเอาคนใหม่ 20% และคนเก่า 80% คือในทุกช่วง 10 ลำดับ จะมีคนใหม่ 2 คน ยกตัวอย่างช่วงลำดับที่ 11-20 จะมีคนใหม่ 2 คน และช่วงลำดับที่ 21-30 จะมีคนใหม่ 2 คน แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 100 คน แต่จากการเปิดเผยรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนที่ยังไม่ได้จัดลำดับ จะยังปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้อีกหรือไม่ ประเด็นต่อเนื่องคือ เคยให้ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.เขตที่เหลืออยู่ของพรรค ลงคะแนนซึ่งกันและกันว่าให้ใครอยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อที่เท่าไหร่

แต่คิดว่าจะไม่น่าจะมีส.ส.ในพรรรค มีโอกาสลงคะแนนให้กับคนใหม่ เพราะขณะที่ให้ส.ส.ลงคะแนนให้กันและกัน คนใหม่ยังไม่ปรากฏรายชื่อ แต่ขณะนี้พรรคได้ประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อมา 100 คนแล้ว ปรากฏว่ามีคนเก่าที่เป็นส.ส.ในปี พ.ศ.2562 ทั้งคนที่ย้ายมาจากส.ส.เขต และคนที่ลาออกไปสมัครผู้ว่าฯกทม. รวมถึงเลขาธิการพรรคก.ก. ควรจะมีสิทธิเป็นส.ส. คือถ้าคิดรวมเช่นนี้ จะพบว่าเป็นส.ส.เก่า 28 คน และอีก 72 คนคือคนใหม่ ฉะนั้นจึงเป็นความลำบากของ กก.บห. ในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างไร

Advertisement

เมื่อถามว่า การจัดลำดับเช่นนี้เกี่ยวกับการแบ่งพรรคแบ่งพวก และการแบ่งชนชั้นในพรรค ก.ก. หรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า ในมุมมองของตน ไม่เรียกว่าเป็นชนชั้น ใครจะมีที่ไปที่มาอย่างไร หรือมีภูมิหลังแตกต่างกันอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ความเป็นพรรคพวกนั้นมีแน่นอนว่า ใครสนิทกับใคร ก็ไม่แน่ใจเพราะการเรียงลำดับว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าใครอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ยังไม่เกิดขึ้น แต่การละเมิดกฎเกณฑ์ 3 ข้อที่ผ่านมาแล้ว ได้สะท้อนให้เห็นว่า ใช้ทัศนอะไรในการจัดบัญชีรายชื่อ ในเมื่อมีหลักเกณฑ์ แต่ไม่ทำจึงขอตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ มีมุมมองต่อพรรคก.ก.ในปัจจุบันอย่างไรบ้าง และคิดว่าแตกต่างจากช่วงเริ่มต้นอย่างไรบ้าง นายอำนาจ กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบทั้ง 2 ช่วงเวลา มีความแตกต่างตามเวลาที่พัฒนาไป ทั้งนี้คงไม่เกินความจริงที่จะบอกว่าตนเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เพราะในช่วงพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ เป็นคนวิ่งหาพรรคใหม่ เพื่อมาเปลี่ยนชื่อ เป็นผู้ไปติดต่อหาพรรคการเมืองที่มีอยู่ในเวลานั้น และนำมาเปลี่ยนชื่อว่า ก้าวไกล เป็นชื่อที่ตนคิดขึ้นมา และนำไปเสนอในที่ประชุมส.ส.เพื่อโหวตรับรอง โดยได้รับการเลือกมากที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งก่อตั้งพรรคก.ก.อยู่ ส่วนการเปรียบเทียบระหว่างพรรคอนาคตใหม่ กับพรรคก.ก. เป็นพัฒนาการที่คนจำนวนหนึ่งออกไป คนใหม่เข้ามา

“ในทัศนะความเห็นผม หลายเรื่องก็เห็นความเข้มแข็ง และความอ่อนแอ เห็นทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลว เห็นด้านสว่างและเห็นด้านมืด เห็นทั้งสองด้านมาตลอด 4 ปี 5 เดือนตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน เป็นเรื่องปกติที่มีความเห็นที่แตกต่างขัดแย้ง และถกเถียงกันเป็นธรรมดา สิ่งที่บอกว่าพรรคจะเป็นเทคโนแครตหรือไม่ ก็เป็นความน่ากังวลอยู่ แต่ที่ผ่านมาคิดว่า อยู่ด้วยกันในลักษณะเพื่อนร่วมทาง ที่มีพื้นฐานเป็นนักต่อสู้ ยืนอยู่บนหลักคิดวิธีการทางการเมือง เสนอประเด็นที่แหลมคมเพื่อหวังว่าประเทศนี้น่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“แต่ถ้าดูจากรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคประกาศมา แม้จะยังไม่เรียงลำดับ ชื่อคนใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นนักเทคโนแครต ผมไม่แน่ใจว่าแกนนำพรรคที่มีอยู่ จากนี้ไปเขาจะสร้างพรรคแบบไหน จะสร้างพรรคเป็นแบบเดิม หรือจะสร้างพรรคเป็นพรรคนักเทคโนแครต ต้องรอดูการจัดเรียงลำดับรายชื่อเสียก่อน ไม่รู้ว่าบางคนอาจจะเป็นอาสาสมัครเข้ามาเพื่อที่จะเป็นองค์ประกอบช่วยพรรคอยู่ด้านหลังหรือไม่ โดยไม่เป็นส.ส. อย่างไรก็ตาม ต้องดูรายชื่อใน 20 ลำดับแรกว่าจัดวางรายชื่อย่างไร” นายอำนาจ กล่าว

เมื่อถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้ คิดว่าแกนนำพรรคก.ก. จะมองอย่างไร นายอำนาจ กล่าวว่า เป็นความจำเป็นที่ต้องอธิบายว่าเหตุใด จึงลาออกจากพรรค ก.ก. สิ่งที่พูดมาทั้งหมด ยังเชื่อว่า จะสามารถแก้ไขได้ ทุกเรื่องทุกข้อที่พูด แกนนำพรรคสามารถนำไปแก้ไขได้ทั้งหมด เพื่อสร้างพรรคให้เป็นไปอย่างที่ประชาชนคาดหวังไว้ หากแกนนำพรรคจะไม่พอใจในคำพูดของตนในส่วนไหน คงจะมาอธิบายชี้แจง ขณะเดียวกันคิดอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าไม่มาแหย่ตนมากเกินไป หรือตอบโต้จนเสียหาย เพื่อไม่ให้ตนพูดต่อก็น่าจะเป็นทางที่ดี แต่ถ้าคิดว่าพูดแค่นี้ แล้วรับไม่ได้ และมาตอบโต้ ก็ไม่ว่ากัน เพราะตนก็มีสิทธิที่จะขยายความต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน มีความจำเป็นที่ต้องอธิบายเหตุผลประกอบการลาออก ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้คนที่รู้จักตน หรือมิตรรักต่างๆ ที่เป็นนักการเมือง หรือคนที่อยู่ในพรรคก.ก. จำนวนหนึ่งที่ยังเคารพนับถือ มีความสงสัยเกี่ยวกับการลาออก

เมื่อถามว่า หมายความว่า พรรค ก.ก. กำลังเดินไปในทิศทางที่น่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า แกนนำพรรคที่ยังอยู่อาจจะเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ จึงไม่ค่อยห่วงตัวเอง หรือห่วงพรรค แต่ในทัศนของตนก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะการมีอยู่ของพรรคก.ก. ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม หลายประเด็นที่เป็นประเด็นการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีกว่าของประเทศนี้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีพรรคการเมืองไหนกล้าเสนอ

“ส่วนที่ผมพูดมาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภายในพรรค ที่ผมอยากให้เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ สามารถทำได้ ต้องขจัดระบบพรรคพวก แล้วจัดวางตำแหน่งลำดับของส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เป็นไปตามมติที่เคยพูดคุยกันไว้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับคนที่ยังอยู่ นอกจากนี้ผมยังเป็นห่วงเพื่อนๆ ที่เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เดิม จึงอยากฝากไปถึงแกนนำพรรค ก.ก. ด้วยว่า จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเกิดเราต่อสู้เพื่อให้ได้รับชัยชนะมาในรอบใหม่ แล้วผลักเพื่อนที่ร่วมต่อสู้กับเรามาไปอยู่ข้างทางกันหมด เรื่องนี้จะสะท้อนออกมาผ่านการจัดลำดับบัญชีรายชื่อ” นายอำนาจ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้วางแผนจะไปทำงานการเมืองกับใคร หรือจะเว้นวรรคการเมืองไว้ก่อน นายอำนาจ กล่าวว่า อายุเพิ่มขึ้นมาถึง 60 ปีปลายๆ ร่างกายก็ถดถอยไปตามวันเวลา แต่ยังไม่ถึงกับวัยชรา สมองยังปกติ สติสัมปชัญญะยังอยู่กับตัวตลอด คงไม่ถึงขั้นเว้นวรรค เมื่อส่งสัญญาณออกไปแบบนี้แล้วเพื่อนฝูงที่ไหนจะมาคุยด้วยเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ เพราะในช่วงที่ยังอยู่ในพรรคก.ก. ยังไม่ได้พูดคุยกับใครอย่างจริงจัง ฉะนั้นวันนี้จึงยังตอบไม่ได้ว่า จะเดินทางไปที่ไหน อย่างไรก็ตามโชคดีที่ไม่เคยกลัวการเดินทางใหม่เมื่อจำเป็นต้องเดิน

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image