รุ้ง จี้ กกต.ตอบแบ่งเขตซอยย่อยเพื่อใคร จี้นับเรียลไทม์ 

รุ้ง ลั่น กกต.ต้องมีคำตอบ แบ่งเขตซอยย่อยเพื่อใคร ทวง ‘นับคะแนนเรียลไทม์’ เตรียมใช้เลือกตั้ง ‘ล้มเผด็จการ’ 28 มี.ค. ดันเพดานนโยบายขั้นต่ำฝ่าย ปชต.

สืบเนื่องวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร นำมาสู่การประกาศวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดย พล.อ.ประยุทธ์ยังคงดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไป ไม่ใช้คำว่า นายกฯรักษาการนั้น

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 22 มีนาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ แกนนำราษฎรและเครือข่าย นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์, น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือไหม และ กิฟต์ ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ร่วมแถลงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อการยุบสภาและการเลือกตั้ง พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

Advertisement

โดยมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง กลุ่มทะลุวัง นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และนักกิจกรรมกลุ่มทะลุแก๊ซ ร่วมด้วย โดย น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ร่วมของราษฎรและเครือข่าย

Advertisement

ในตอนหนึ่ง น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ในการนี้พวกเราราษฎรและเครือข่าย ขอเปิดตัวแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” ในการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ 14 พฤษภาคม โดยแคมเปญนี้ยืนอยู่บนหลักการ 3 อย่างคือ 1.เลือกตั้ง ต้องฟรีและแฟร์ ในทุกระดับ ในส่วนของ กกต.ต้องมีมาตรฐานในการตรวจสอบการหาเสียงของทุกพรรคอย่างเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ

“การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ออกมาแล้ว กกต.ต้องมีคำตอบให้เราให้ได้ว่าการแบ่งเขตแบบนี้เพื่ออะไร เพื่อใคร ถึงซอยย่อยขนาดนั้น เราในสังคมเข้าใจร่วมกันว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้มันไม่ปกติ เอื้อประโยชน์ให้บางพรรค บางกลุ่ม” น.ส.ปนัสยากล่าว และว่า การนับคะแนนในวันเลือกตั้ง ต้องโปร่งใส เราเรียกร้องให้ กกต.นับแบบเรียลไทม์ ไม่มีการดองคะแนน ไม่มีการนับกล่องโน่น ไม่นับกล่องนี้ ทุกเขตเลือกตั้งต้องนับพร้อมๆ กัน และออกผลโดยทันที ส่วนพรรคการเมือง ต้องมีความโปร่งใสในการหาเสียง และเราขอร้องให้ไม่โจมตีกัน สู้ด้วยนโยบาย สู้ด้วยความเป็นธรรม สู้กับความโปร่งใส การโจมตีกันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่จะไม่ได้ประโยชน์กับประชาชนสักเท่าไหร่นัก เอานโยบายมาสู้กันดีกว่า เอาเรื่องจริง เอาความคิดมาสู้กันดีกว่า

น.ส.ปนัสยากล่าวต่อว่า ส่วนประชาชน เราขอร้องให้ร่วมกันจับตาการเลือกตั้งในทุกเขตทุกหน่วย ร่วมกันตรวจสอบการหาเสียงของทุกพรรค เช่น มีการซื้อสิทธิ-ขายเสียงเกิดขึ้นหรือไม่ ในวันเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วขอให้ทุกคนอยู่ที่คูหาเลือกตั้งก่อน เพื่อจับตาการนับคะแนนว่ามีความโปร่งใสจริงหรือไม่ มีการทุจริตเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ อย่าให้เป็นเหมือนตอนปี 62 เราไม่อยากเห็นภาพนั้น และคิดว่าคนในประเทศก็ไม่อยากเห็นภาพนั้นเช่นเดียวกัน รวมไปถึงตัวละครทางโครงสร้าง เช่น กองทัพ หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คนเหล่านี้ต้องไม่ใช้อิทธิพล หรืออำนาจของตัวเองเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งเด็ดขาด ด้วยการไปโน้มน้าว ชักจูงให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือลูกบ้านของตัวเองให้ไปเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเลือก

น.ส.ปนัสยากล่าวต่อว่า หลักการส่วนที่ 2 การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อที่จะมีชัยชนะร่วมกันของฝ่ายประชาธิปไตย โดยขอให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกันและต้องชนะอย่างถล่มทลาย เพื่อที่จะรวมกันเป็นเสียงส่วนใหญ่ และขอให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ประชาชนจะใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อการล้มเผด็จการให้ได้ และหลักการที่ 3 การเลือกตั้งมีเพื่อการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป ต้องมีการปฏิรูปทุกองคาพยพเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

“นำปัญหาของกฎหมายมาตรา 112 เข้าสู่สภา แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ แน่นอนการปฏิรูปสถาบันฯ จะต้องเกิดขึ้น โดยวันที่ 28 มีนาคมนี้ เราจะมีการนำเสนอลงรายละเอียดแคมเปญไทม์ไลน์ของกิจกรรมทั้งหมด รวมทั้งการขอความร่วมมือจากประชาชนและพี่น้องให้ช่วยเหลือบางอย่างเพื่อทำให้แคมเปญนี้เกิดขึ้นและได้ผลจริง ทั้งนี้ วันที่ 28 มีนาคมนี้ นอกจากกิจกรรม เราจะมีการเสนอข้อเรียกร้องต่อการจัดตั้งรัฐบาล เสนอนโยบายขั้นต่ำของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย” น.ส.ปนัสยาระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image