‘ดร.ณัฎฐ์’ เหน็บกลุ่มสามมิตร ย้ายร่วมพท. เย้ยระวังอากาศเป็นพิษ ไม่ผงาดเหมือนอดีต

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้สัมภาษณ์กรณีแกนนำกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุตสาหกรรม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) มาสังกัดพรรคเพื่อไทย(พท.) ว่า การยุบสภาเปิดช่องให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ย้ายพรรคได้ทุกพรรคการเมือง กลุ่มสามมิตร จะเหลือแกนนำเพียงสองมิตร ย่อมสามารถย้ายพรรคตามอุดมการณ์ทางการเมืองได้ ซึ่งกฎหมายกำหนดคุณสมบัติ ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งและให้นับ 30 วัน ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ตามมาตรา 97(3) แห่งรัฐธรรมนูญ หากพิจารณาในทางการเมือง กลุ่มสามมิตร เคยสังกัดพรรคนี้มาก่อน ไม่แปลกที่จะย้ายกลับพรรคการเมืองเดิม หากย้อนกลับในอดีตกลุ่มสามมิตร ผงาดนั่งรัฐมนตรีมาหลายสมัย แต่ในการเลือกตั้ง 2566 กลุ่มสามมิตร สองใบเถา จะล่มสลาย ไม่ผงาด กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการฯกระทรวงต่างๆ ในสมัยหน้า การเปลี่ยนสูตร คำนวณ ส.ส.จากสูตรหาร 500 ผ่านในวาระที่ 1 แต่นายสมศักดิ์ สัมภาษณ์สื่อถึงข้อดีข้อเสียสูตรคำนวณ แล้วย้ายค่าย ย้ายอุดมการณ์ มองว่าประชาชนจะสั่งสอนในวันเลือกตั้ง

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า กลุ่มสามมิตร เป็นกลุ่มการเมืองที่สร้างอำนาจต่อรองและมี ส.ส.ในสังกัด แต่ครั้งนี้ นายอนุชา นาคาสัย ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และการออกแบบรัฐธรรมนูญ ทำให้ ส.ว. 250 คน มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ตามมาตรา 272 แม้พรรคเพื่อไทยอาจคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้ลำดับที่ 1 แต่ฟันธงว่า ไม่เกิน 170 เสียง บวกลบไม่เกิน 5 ที่นั่ง ส่วนเป้าหมายแลนด์สไลด์ 310 ที่นั่ง หากพิจารณาคณิตศาสตร์ทางการเมือง และฐานเสียง ภาคเหนือ ภาคอีสาน แต่ภาคใต้ ไม่มี ส.ส. รวมทั้งภาคกลางเฉพาะบางจังหวัด โดย ภาคอีสาน ยังมีหลายพรรคเจาะที่นั่ง โอกาสคว้า 310 ที่นั่ง โอกาสน้อยมาก หากย้อนดูสถิติของอดีตพรรคไทยรักไทย เป็นการยุบ ควบรวมพรรคการเมืองอื่น หากที่จะคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน สามารถกระทำได้ แต่โอกาสคว้าที่นั่ง รวบรวมเสียง 376 ที่นั่ง ในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เป็นเงื่อนไขบังคับก่อน โอกาสน้อย

“กลุ่มสามมิตร ในอดีตอาจผงาดในสนามการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เปลี่ยนแปลงไป ตัวแปร คือ การออกแบบรัฐธรรมนูญเป็นรัฐบาลผสม และ ส.ว.250 เสียง เป็นตัวแปรสำคัญ การรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล 376 เสียง ค่อนข้างเป็นด่านหิน แม้พรรคเพื่อไทยรวบรวมเสียง ส.ส.เกิน 250 คนได้ แต่จะรวบรวมเสียง อีก 126 เสียงจากที่ไหน หาก สว.ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแคนดิเดตได้ ในการให้ความรู้ด้านกฎหมายมหาชน ไม่ใช่ดิสเครดิตพรรคเพื่อไทย แต่กลุ่มสามมิตร ในปี 2566 จะไม่แรงเหมือนเดิม เป็นยาหมดอายุ ไม่ผงาดเหมือนเดิม การย้ายค่าย ย้ายขั้วฝั่งตรงข้าม อ้างฟ้า ดิน อากาศ ผมว่าอากาศน่าจะเป็นพิษ เป็นการเข้าสู่การล่มสลายกลุ่มสามมิตรถาวร แนะนำให้คุณสมศักดิ์กับภรรยากลับไปฟาร์มไก่ชนจะดีกว่า”ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า กลุ่มสามมิตรในอดีตเทียบเคียงปัจจุบัน ต้องถามว่า มีกลุ่ม ส.ส.ในสังกัดกี่คน ส่วนใหญ่จะวงแตก ไปอยู่พรรคการเมืองอื่น อำนาจต่อรองทางการเมืองลดลง ไม่มีอำนาจเหนือกว่าเหมือนอดีต อีกคนเพิ่งลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อีกคนลารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ย้ายข้ามขั้ว ทำให้เสื่อม เพราะกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ในคราวนี้ แทงฝ่ายผิด หักปากกาเซียน เพราะอำนาจทางการเมืองหลัก ยังอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพราะคุมเสียง ส.ว.250 คน แม้ไม่ได้ ส.ส.ลำดับ 1 สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ การเดินขึ้นลงเวทีหาเสียงต้องประคอง สังขารน่าจะไม่ไหว แต่หากไปจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน เพราะได้ที่นั่ง ไม่เกิน 50 ที่นั่ง ไม่ใช่ 150 ที่นั่ง เพราะกระแสไม่มี มีแต่กระสุน อีกทั้งประชาชนเข้าถึงการสื่อสารผ่านระบบดิจิทัลหรือโซเชียลมากขึ้น ส่วนพรรคที่ใช้นโยบายกัญชาหาเสียง อย่างพรรคภูมิใจไทยที่เจอนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินหน้าคัดค้าน น่าจะเหนื่อนในการเลือกตั้งครั้งนี้

Advertisement

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image