‘สุชาติ’ อวยรัฐบาล ฝ่าวิกฤตโควิด ขยายส่งออกไทยโต 17% ฝาก รบ.หน้า ดูแลเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุน

‘สุชาติ’ อวยรัฐบาล ฝ่าวิกฤตโควิด ขยายส่งออกไทยโต 17% ได้ ฝาก รบ.หน้า ดูแลเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุน

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวเสวนาเรื่อง “วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย” ว่า โจทย์สำคัญที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กำหนดโดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องเห็นภาพและจับต้องได้นั้น ตัวอย่างวิกฤตโควิดที่ผ่านมา รัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในทุกมิติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 3.9 แสนราย โดยให้เงินสนับสนุนให้กับนายจ้างเพื่อพยุงโรงงานให้เดินต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือภาครัฐและเอกชนจะต้องมีการหารือและช่วยเหลือกัน เพื่อประคับประคองยอดการส่งออก ซึ่งในช่วงที่ต่างประเทศมีปัญหาการส่งออกในไทยยังโต 17% ซึ่งเกิดจากนโยบายรัฐบาลที่รับฟังทุกคน ช่วงวิกฤตโควิดมีการปิดโรงงานมากมาย เหตุผลคือหายนะของเศรษฐกิจการส่งออก รัฐบาลสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ซัพพลายเชนปิด ด้วยการหาตลาดส่งออกและลงนามเอ็มโอยูต่างๆ ส่งผลให้ปี 2565 จากการประชุมใหญ่สามัญภูมิภาค บริษัทต่างๆ สามารถแจกโบนัสประจำปีให้กับพนักงาน

“ปี 2565 ถือเป็นครั้งแรกที่อัตราการว่างงานต่ำสุดในโลก 1% มีการจ้างงานตั้งแต่ไตรมาส 1-4 ระดับล้านคน ดังนั้น อยากฝากถึงรัฐบาลหน้าจะต้องใกล้ชิดผู้ประกอบการ ซึ่งเอกชนเขาเก่งอยู่แล้ว หากสร้างเงื่อนไขเยอะเพื่อเอื้อต่อการทุจริตก็ต้องตัดออก การสนับสนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อไปดูแลลูกน้อง และหากตั้งกองทุนได้จะช่วยเยียวยาเอสเอ็มอีได้ เอสเอ็มอีมีที่ดินหลัก 50-100 ล้านบาท ดังนั้น รัฐที่จะเข้ามาต้องใส่ใจและเปลี่ยนตัวเองเป็นเอสเอ็มอี จะได้รู้ว่าเอสเอ็มอีต้องการอะไร อุตสาหกรรมต้องการอะไร แล้วจะเติบโตได้เอง” นายสุชาติกล่าว

Advertisement

สำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และนโยบายค่าแรงขั้นต่ำนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำควบคู่กับ ส.อ.ท. และสภาหอการค้าทั่วประเทศ โดยแก้ปัญหาแทบทุกไตรมาส แรงงานที่ขาดแคลนคือแรงงานที่ไม่มีสกิล รัฐบาลได้แก้ไขตลอดคือการเอ็มโอยู ถือเป็นเรื่องที่เพื่อนบ้านมีการสู้รบ การนำเข้ายากลำบาก จึงนำคนที่หลบหนีมาแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อน เพื่อเติมส่วนที่ขาด ประเทศไทยโชคดีกว่าประเทศอื่นที่ไม่มีเพื่อนบ้าน แต่สิ่งที่ยังคงห่วงคือ หากเพื่อนบ้านพัฒนาการลงทุนสูงขึ้น ไทยจะเสียแรงงานตรงนี้ไป

“ในส่วนของการปรับค่าแรงขั้นต่ำนั้น อยากให้ดูผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพแต่ละจังหวัด และหารือ 3 ฝ่าย จึงอยากให้เกิดจากการแข่งขันของนักลงทุน จะทำให้ค่าแรงปรับเองอัตโนมัติ เมื่อมีการแข่งขัน เศรษฐกิจโต จึงควรเน้นการอัพสกิลแรงงานผ่านการอบรมพัฒนาฝีมือจากกระทรวงแรงงาน เพื่อให้นายจ้างปรับฐานเงินเดือนและเราจะหนีกับดักค่าแรงขั้นต่ำ” นายสุชาติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image