09.00 INDEX “ดีเบต” เพื่อประชัน วิสัยทัศน์ กระแส เร่งเร้า กดดันร้อนแรง
ยิ่งวันที่ 14 พฤษภาคม เดินทางเข้ามาใกล้มากเพียงใด กระแสบนเวทีดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ ระหว่างพรรคการเมือง ระหว่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะยิ่งเร่งเร้าอย่างร้อนแรง
เร่งเร้าไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งเร้าไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แม้ในบางเวทีจะสามารถส่ง “ตัวแทน” เข้าไป แต่หากบนเวทีแห่งนั้นแวดล้อมด้วย “ตัวจริง” สภาพการดำรงอยู่ของบรรดา “ตัวแทน” ก็ถูกบีบรัด และกดดันโดยปริยาย
ไม่เพียงแต่การปรากฏตัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่กดดัน หากแต่การปรากฏตัวของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็กดดัน การปรากฏตัวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยิ่งกดดัน
สภาพการกดดันไม่ย่อหย่อนไปกว่าการปรากฏตัวของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการปรากฏตัวของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หรือ นายวราวุธ ศิลปะอาชา
เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ
สังคมย่อมอยากรู้ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคิดอย่างไร
ความอยากได้ใคร่รู้ของสังคมต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกติยิ่งในทางการเมืองตั้งแต่อดีตมายังปัจจุบัน
เพียงแต่ในยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ได้มีลักษณะเร่งเร้าอย่างร้อนแรงเหมือนกับทุกวันนี้
นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เร่งกระชั้นเข้ามาอย่างร้อนแรง
กระบวนการในทาง “เทคโนโลยี” ทำให้การสื่อสารในสังคมดำเนินไปอย่างรวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกัน ก็ก่อให้เกิดสภาพกดดันในทางการเมือง
สังคมต้องการเห็นว่าท่าทีนายกรัฐมนตรีมีพิมพ์เขียวอย่างไร ในการสร้างประเทศ และนำเสนอรูปการในทางเศรษฐกิจเพื่อนำพาประชาชนให้พ้นจากความยากจน
สภาพการณ์เช่นนี้แหละ คือกระแสที่เร่งเร้า และเรียกร้อง
หากมองจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 และกำลังเข้าสู่กระบวนการ เลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2566
เป็นเวลา 9 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง และท้าทายแหลมคม
ท้าทายต่อพรรคพลังประชารัฐ ท้าทายต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ท้าทายต่อความต้องการ “ไปต่อ” ในทางการเมือง
ในความเคลื่อนไหวนั้นกระบวนการดีเบตเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญ
