เปิดชีวิต ‘ชัยเกษม’ ลูกทหาร เด็กบ้านสวน แคนดิเดตนายกฯรอบ 2 ผู้เคยทวง ‘คำขอโทษ’ จากประยุทธ์

ชัดเจนแล้วว่า ชัยเกษม นิติสิริ คือ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทย

นับเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิต หลังเคยเช็คอินในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง

แน่นอนว่าเส้นทางชีวิตของชายวัยเกิน 70 กะรัตผู้นี้ ไม่ธรรมดา

เป็นนักกฏหมายอาวุโสมากความสามารถผู้มีตำแหน่งทางวิชาการนำหน้าว่า ศาสตราจารย์พิเศษ ในสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Advertisement

เคยดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ ‘ไม่ (ยอม) ลาออก’ ก่อนเกิดการรัฐประหารโดยคสช. นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารในวันนั้น แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติในวันนี้

ย้อนปูมหลังในวัยเยาว์ ชัยเกษม เกิดในครอบครัวทหาร เติบโตใน ‘บ้านสวน’ ฝั่งธนบุรี บิดาเป็น ‘เจ้ากรมพระธรรมนูญ’ พี่ชายจบ จปร. พี่สาวอีกคนก็เป็นทหารพระธรรมนูญตามรอยพ่อ น้องชายอีกคน ก็จบจาก จปร.อีก

Advertisement

แคนดิเดตนายกท่านนี้ เคยให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทย เมื่อปลายปี 2562 ในตอนหนึ่งซึ่งย้อนเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างมีสีสันว่า

“ผมโตในสวนแถวฝั่งธนที่ยังใช้ส้วมหลุม ลงสะพานสาทรไปซ้ายมือแต่ก่อนเป็นสวนผลไม้ จะไปโรงเรียนก็ต้องเดิน เวลาหนีโรงเรียนต้องวิ่งเพราะกลัวผี (หัวเราะ) ชาวบ้านแถวนั้นดักค้างคาวลูกหนูตัวเล็กๆ เอาปีกมาร้อย ทำอาหาร ผมก็กินได้หมด 

เล่าไปอาจไม่เชื่อ แต่ผมไม่ชอบอะไรที่มันธรรมดามากเกินไป อย่างอาหารการกิน ชอบอะไรที่แปลกๆ งูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตะกวด แมลง ตัวต่อเสือ รังผึ้งพร้อมตัวอ่อน ทานได้หมด แต่ไม่ถึงกับเปิบพิสดาร” 

พูดไปขำไปอย่างอารมณ์ดี ก่อนกล่าวถึงพี่น้อง และเหตุผลที่บิดา ‘ไม่ให้เป็นทหาร’

“พี่ชายจบ จปร.แล้วก็เป็นนักบู๊คนหนึ่งเหมือนกัน พี่สาวคนถัดจากพี่ชายคนโตเป็นทหารพระธรรมนูญ ถัดมามีผู้ชายอีกคน ไปทางด้านวิทยาศาสตร์ จบ มช. แล้วมาถึงผมซึ่งพ่อไม่ให้เป็นทหาร (หัวเราะ) เขาบอกเป็นทหารหลายคนแล้ว อยากให้เป็นนักกฎหมาย สุดท้ายมีน้องชายอีกคนก็เป็นทหาร จบ จปร.อีก”

ด้วยเหตุนี้ ในเหตุรัฐประหารปี 57 ครั้งถูกคุมตัว พร้อมนำหมวกไหมพรมสีดำ ‘คลุมหัว’  ขึ้นรถตู้ไปหน่วงเหนี่ยวยังบ้านพักรับรองแห่งหนึ่ง จึงไม่เกิดอาการเครียดใดๆ แต่รับว่านอนไม่หลับเพราะหนาว จนต้อง ‘ถอดผ้าม่านมาห่ม’

เหตุการณ์ครั้งนั้น ชัยเกษม เคยทวงถาม ‘คำขอโทษ’ จาก พลเอกประยุทธ์ แต่ไม่เคยได้รับ

“ถามว่าเครียดไหม สำหรับผมเฉยๆ เพราะอยู่ในครอบครัวทหาร…ตอนที่ถูกคุมไปนั่งรถตู้ คันผมมี 3 คน แต่ทหารคุมไป 6-7 คน แต่งตัวแบบออกรบ มีทั้งปืนยาว ปืนสั้น เขาใช้พลาสติกแบบรูดๆ มัดนิ้วหัวแม่โป้ง 2 ข้างของผมไว้ด้วยกัน ตอนแรกจะมัดข้อมือด้วย แต่มีทหารคนหนึ่งคงเป็นผู้บังคับบัญชาบอกว่าไม่ต้องแล้ว พอแล้ว เลยมัดแค่นิ้วและไม่มัดเท้า

ผมเองยังพูดว่าไม่ต้องมัดมง มัดมืออะไรหรอก คุณก็อาวุธครบมือ ผมจะไปสู้อะไรได้ พอถึงทางแยกเห็นป้ายปราจีน-นครนายก ก็เอาหมวกไหมพรมสีดำคลุมหัว เพื่อไม่ให้เราเห็นว่าจะไปไหน ทุกคนถูกทำเหมือนกันหมด…”

สำหรับประเด็นทวงคำขอโทษ มาจากการที่พลเอกประยุทธ์ ออกโทรทัศน์บอกว่า ‘มีที่ไหนกันมัดมือ ปิดตา มีแต่ในหนังฝรั่ง’

“ตอนนั้นผมทวงคำขอโทษที่เขาให้ไปประชุมกันที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับเรื่องการปรองดอง มันเป็นเรื่องทางจิตใจ อย่างผมไปโดนในลักษณะอย่างนี้ ผมบอกต้องการคำขอโทษคำเดียว ถ้าขอโทษก็จบ ไม่มีอะไร ให้เลิกแล้วต่อกัน แต่ไม่มีการตอบ คงไม่มีใครกล้ารายงาน

…ที่ว่าไม่มีๆ ผมโดนมาเองแล้วทั้งสิ้น จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกว่าทุกข์ยากอะไรเพราะไม่ได้ถึงขนาดตะลุ้บตุ้บตั้บ แต่ผมคาใจที่ตัวบุคคลมากกว่า”  ชัยเกษมกล่าวกับ ‘มติชน’ เมื่อปี 62  (ย้อนอ่าน คำต่อคำ นาที ‘ยึดอำนาจ’ จากปาก ชัยเกษม นิติสิริ เวอร์ชั่นที่ ‘ไม่ใช่นิยาย’)

สลับฉากกลับไปในวัยศึกษาเล่าเรียน ชัยเกษม เคยเล่าว่า ตอนเรียนจุฬาฯ ไปค่ายชาวเขา อาบน้ำลำธาร ไม่ใช่แนวสำอาง

ครั้งลัดฟ้าเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันกับ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา 

“ท่านวิษณุไปเรียนทุนรัฐบาลพร้อมผม ท่านไปทุนของคณะนิติฯ จุฬาฯ ผมและท่านพรเพชร วิชิตชลชัย ไปทุน ก.พ.สอบพร้อมกัน นั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ไปเรียนภาษาอังกฤษอยู่ 3 เดือน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปตามที่ใครสมัคร”

ต่อประเด็นที่ถูกสื่อบางสำนักปรามาสว่าเป็น ‘เนติบริกรระบอบทักษิณ’ ชัยเกษมตอบอย่างชัดเจนว่า

“ใครบอกว่าผมเป็นเนติบริกร ก็บอกมาสักครั้งแล้วกันว่าผมพูดอะไรที่ไม่ถูกบ้างในแง่กฎหมาย ไม่ว่าเลยถ้าจะวิเคราะห์ บางทีความเห็นสองฝ่ายตีความต่างกันได้ แต่บางอันตีความดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยเฉพาะในยุคนี้กระบวนการยุติธรรมถูกเบี่ยงเบนไปเยอะมาก ผมเลิกสอนหนังสือไปเลย เพราะไม่อยากตอบว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนี้”

ชีวิตส่วนตัว นอกจากบทบาทนักกฎหมายและนักการเมือง เมื่อถามว่าในความเป็นคุณพ่อ ใช้ระบอบการปกครองใด?

“บ้านผมเป็นประชาธิปไตย ลูกจะสนใจการเมืองหรือไม่ หรือสนใจพรรคไหนอย่างไร ไม่เคยห้ามปรามเลย แต่ลูกทั้ง 2 คนไม่ค่อยสนใจการเมืองเพราะพ่อบ่นให้ฟังบ่อย (หัวเราะ) ผมค่อนข้างให้อิสระเสรี แต่ก็คอยทักหรือไกด์บ้าง อย่างตอนที่ลูกสาวอุตส่าห์ไปเรียนกราฟิกดีไซน์จากอเมริกา แล้วก็ไปเรียนมาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นจากอังกฤษ กลับมาแล้วขอเรียนกอร์ดองเบลอ ในที่สุดก็ประกอบอาชีพค่อนข้างไปทางอาหารมากกว่าด้านอื่น ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ตราบใดที่สามารถดูแลตัวเองได้”

ส่วนการดูแลสุขภาพ  “เล่นกอล์ฟ แต่เล่นไม่ค่อยดีนะ (หัวเราะ)”

ชัยเกษม ยังกระฉับกระเฉง สวมแว่นตากันแดดขึ้นรถหาเสียงเคียงข้าง อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสิน เมื่อ 4 เมษายนที่ผ่านมา จากศาลาว่าการกทม.2 ดินแดง หลังเพื่อไทยจับได้เบอร์ 29

กระทั่งขึ้นเวทีธันเดอร์โดม เย็นวันนี้ 5 เมษายน 2566 ในฐานะ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ อย่างภาคภูมิ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image