09.00 INDEX ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปกองทัพ เส้นทางร่วม เพื่อไทย ก้าวไกล
พลันที่เห็นการออกมาปักธงว่าด้วยการยกร่าง “รัฐธรรมนูญ” ใหม่ผ่านบทบาทของ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” จากการเลือกตั้งของ นายชัยเกษม นิติสิริ
เห็นการออกมาปักธงว่าด้วยการยกเลิก “เกณฑ์ทหาร” ของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก้าวสู่ระบบแบบ “อาสาสมัคร” อย่างเต็มใจ
บรรดาแฟนานุแฟนของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ย่อมบังเกิดความชื่นใจ เนื่องจากไม่ว่าเรื่อง “รัฐธรรมนูญ” ไม่ว่าเรื่องการ “เกณฑ์ทหาร” คือจุดร่วมในลักษณะ “สมารมณ์”
คอการเมืองย่อมรู้ว่าข้อเสนอว่าด้วยการยกเลิกการเกณฑ์ ทหารคือส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปกองทัพ ขณะที่ความต้องการในการยกร่างรัฐธรรมนูญคือการวิพากษ์ตรงไปยังรัฐธรรมนูญ 2560
นี่ไม่เพียงแต่เป็นการกระหน่ำโดยตรงไปยังขบวนการรัฐประ หารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 หากแต่ยังสัมพันธ์กับการวิพากษ์ กระบวนการรัฐประหารทุกขบวนการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพุ่งปลายหอกไปยังปัญหาและความขัดแย้งก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และรัฐประหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
สู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
คำประกาศบนเวทีธันเดอร์โดมล่าสุดโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีการเจรจาเพื่อจับมือพรรคพลังประชารัฐและชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี
จึงเป็นสัจจะวาจาอันเฉียบขาดมั่นคงและดำรงอยู่ในลักษณะอย่างเป็น “ทางการ”
เนื่องจากเป็นคำประกาศจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน เมื่อประสานกับแนวคิดในเรื่องรัฐธรรมนูญเพื่อ เป็นเครื่องมือในการทำให้รัฐประหารหมดสิ้นไปจากสังคมไทย และในเรื่องของการเกณฑ์ทหาร
ทั้งจาก นายชัยเกษม นิติสิริ และ นายเศรษฐา ทวีสิน ยิ่งดำเนินไปอย่างจำหลักหนักแน่นเพราะทั้ง นายชัยเกษม นิติสิริและนายเศรษฐา ทวีสิน ล้วนเป็น “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี
นี่คือท่าทีที่อยู่ในแนวเดียวกันระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล อันงดงามยิ่งในทางนโยบาย ในทางความคิด
หากอ่านจากท่าทีล่าสุดของพรรคเพื่อไทยก็จะเข้าใจในลักษณะ ความสัมพันธ์และการดำรงอยู่ในทางการเมืองแห่งความเป็นพันธ มิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล
นั่นก็คือ ดำรงอยู่ในลักษณะทั้ง “ร่วมมือ” และ “ต่อสู้” กัน
การต่อสู้มีความเด่นชัดเนื่องจากเป็นคนละพรรค แต่การต่อสู้ก็ดำรงอยู่บนพื้นฐานแห่งนโยบาย
เป้าหมาย “ร่วม” คือต้านต่อ “สิ่งแปลกปลอม” ประชาธิปไตย
