‘สมศักดิ์-สุธรรม’ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์-กำแพงเพชรหาเสียง ชูแจกเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาท 54 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 5.4 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน มั่นใจได้ที่นั่ง ส.ส.ปากน้ำโพเพิ่ม หลังกระแสนิยม ‘ทรงศักดิ์’ กระแสพรรคพุ่ง อ้อนขอแลนด์สไลด์ให้สำเร็จ ปลื้มโพลให้บัญชีรายชื่อ 60 คนแล้ว
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายสุธรรม แสงประทุม แกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดโรงสี อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายกวี อัศวรัตน์ เขต 1 เบอร์ 6 นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย เขต 2 เบอร์ 5 นายสัญชัย วงษ์สุนทร เขต 3 เบอร์ 11 และ น.ส.ชุติมา เสรีรัตน์ เขต 6 เบอร์ 3 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเดินทางมารับฟังกว่า 500 คน
นายสุธรรมกล่าวว่า เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากจมมาเป็นเวลากว่า 8 ปี แต่จากนี้นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะช่วยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ ทั้งลดค่าน้ำค่าไฟ เพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร รวมถึงจะเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล คนละ 1 หมื่นบาท เพื่อใช้จ่ายในบริเวณบ้านไม่เกิน 4 กิโลเมตร ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน ดังนั้น ขอเชิญชวนชาวนครสวรรค์ให้ช่วยกันเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัดเพื่อให้เกิดแลนด์สไลด์ จะได้จัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงสนับสนุนของประชาชนได้
โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ ตนมาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเขต 2 นายทรงศักดิ์ เพราะเป็นเพื่อนของตน จึงมาร่วมมือกันช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เนื่องจากปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีปัญหาข้าวของราคาแพง ดังนั้น ต้องแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งตนมั่นใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาได้ อย่างล่าสุด นำเสนอนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ให้คนละ 1 หมื่นบาท สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใช้ภายใน 6 เดือน ในบริเวณที่อยู่ไม่เกิน 4 กิโลเมตร เพื่อจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจตกต่ำ ทำมาหากินลำบาก โดยเงินคนละ 1 หมื่นบาท จะมีประชาชนได้ประมาณ 54 ล้านคน คิดเป็นเงินกว่า 5.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าเงินจำนวนนี้จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้ เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการให้เศรษฐกิจกลับมาดีกว่าก่อนช่วงโควิดแพร่ระบาด
“นโยบายดีๆ ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีได้ จะสามารถถูกขับเคลื่อนได้นั้นต้องช่วยกันสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก่อน อย่างที่ จ.นครสวรรค์ ก็ขอให้เลือกทั้งคน และพรรค เบอร์ 29 เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียง ส.ว. เพราะการตั้งรัฐบาลต้องใช้เสียง ส.ส.และ ส.ว. 376 เสียง ดังนั้น ถ้าพี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้เกิดแลนด์สไลด์ ก็จะใช้แค่เสียงสนับสนุนของพี่น้องประชาชนโดยตรงจัดตั้งรัฐบาล และขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ได้ทันที” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ในพื้นที่ จ.นครสวรค์ มี 6 เขต ซึ่งตนมั่นใจว่า จะสามารถชนะการเลือกตั้งได้หลายเขต เช่น เขต 2 นายทรงศักดิ์ เบอร์ 5 เพราะการเลือกตั้งปี 2562 ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนถึง 25,069 คะแนน ซึ่งห่างจากผู้ชนะเพียง 6 พันคะแนนเท่านั้น ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ที่ย้ายมาสวมเสื้อเพื่อไทยจะมีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เพราะตัวผู้สมัครก็มีคะแนนนิยมสูง ไม่เคยทิ้งพื้นที่ บวกกับกระแสพรรคเพื่อไทยที่มาแรงทุกโพล จึงทำให้มั่นใจว่าจะสามารถชนะการเลือกตั้งใน จ.นครสวรรค์ ได้
จากนั้น นายสมศักดิ์ได้เดินทางต่อไปที่เทศบาลตำบลนิคมทุ่งโพธิ์ทะเล จ.กำแพงเพชร เพื่อปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายวีระศักดิ์ สุ่นสา เขต 1 เบอร์ 3 นายเรวัต อินทพงษ์ เขต 2 นายจรัญ อิสระบัณฑิตกุล เขต 3 และนายฐานัน หล่าวเจริญ เขต 4 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักเช่นกัน มีประชาชนเดินทางมารับฟังกว่า 500 คน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีหลายนโยบายที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล ให้คนละ 1 หมื่นบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ซึ่งก็เป็นความท้าทายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องสร้างให้เกิดการจ้างงาน 20 ล้านตำแหน่งด้วย ดังนั้น นโยบายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้พรรคเพื่อไทยต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ถึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ และจากผลโพลสำรวจต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะโพลขณะนี้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ต่ำกว่า 60 คนแล้ว ดังนั้น ขอให้พี่น้องชาวกำแพงเพชร เลือกทั้งคน และพรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 เพื่อเข้าไปขับเคลื่อนนโยบายให้กับพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการปราศรัยมีประชาชนได้สะท้อนปัญหาไม่มีน้ำทำนา นายสมศักดิ์จึงตอบว่า ปัญหานี้ตรงกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ประมาณ 40% จากเดิมมีพื้นที่ 35 ล้านไร่ เป็น 50 ล้านไร่ ซึ่งก็จะสามารถช่วยให้พี่น้องเกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น