“นิกร” กระทุ้งภาครัฐ รับมือ หยุดยาวสงกรานต์ปีนี้ หวั่น เมาขับ หลับใน
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายนิกร จำนง ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะประธานเครือข่ายสมาชิกรัฐสภาด้านความปลอดภัยทางถนน ภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ปัญหาความปลอดภัยทางถนนในช่วงหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 นี้ จะเกิดปัญหาที่ตัองระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ คือ การสูญเสียมากจากวันหยุดฟันหลอช่วงก่อนการเข้ามากำกับดูแลของรัฐที่เริ่มต้นควบคุมของปีนี้ ตั้งแต่วันพุธที่ 12 เมษายน จนถึงวันอังคารที่ 18 เมษายน
นายนิกร กล่าวว่า จากการติดตามวิเคราะห์แล้ว เห็นว่าประชาชนน่าจะออกเดินทางกันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 เมษายนเป็นต้นไป เพราะจะลาหยุดงานคาบเกี่ยวไปจนถึงช่วงวันสงกรานต์ แต่ในเมื่อรัฐเข้ามาดูแลเริ่มวันที่ 12 จึงอาจช้าไป สำหรับปีนี้ ดังนั้นขอให้รัฐจะต้องเข้ามาดูแลความปลอดภัยทางถนนก่อนกำหนดในแผนงานเท่าที่จะทำได้ และขอให้ประชาชนที่เดินทางก่อนสงกรานต์ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้น
นายนิกร กล่าวว่า ประเด็นที่จะเกิดผลกระทบเป็นพิเศษในปีนี้ คือ การหาเสียงเลือกตั้งที่จะมาเสริมฤทธิ์ กับการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ คือ การจัดเลี้ยงที่อาจมีขึ้นกันอย่างมากมาย และเป็นไปได้มากที่มีการเลี้ยงแอลกอฮอล์ด้วย ดังนั้นจะมีอันตรายจากการดื่มแล้วขับ เกิดขึ้นมากอย่างแน่นอน จึงต้องเพิ่มด่านชุมชนให้มากขึ้น เท่าที่จะทำได้
นายนิกร กล่าวว่า และระบบการใช้รถสาธารณะหลังช่วงโควิตนี้ก็จะเกิดปัญหาอันตรายจากการขาดแคลนทั้งรถโดยสารที่ปลอดภัยเนื่องจากช่วงโควิดยุติการออกวิ่งทำงานมายาวนานทั้งพนักงานขับที่เป็นมือดีเองก็ระดมมาไม่ทัน ในขณะที่ความต้องการรถมาวิ่งเป็นรถหมวด 30 ที่วิ่งเสริมในปีนี้ จะเพิ่มมากเพราะผู้คนชะลอการเดินทางมา 2-3 ปีแล้ว คาดว่าจะเดินทางกันโดยรถสาธารณะมากเป็นพิเศษ ดังนั้นอุบัติเหตุใหญ่จากรถสาธารณะจึงเป็นกรณีที่ต้องระวังให้มาก จึงขอให้กรมการขนส่งทางบกต้องเตรียมป้องกันปัญหานี้ให้ดีที่สุด
นายนิกร กล่าวว่า ปัญหาสุดท้ายคือปีนี้จะมีปัญหาการเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่แน่นอนจากการที่คนในสังคมมีอารมย์ค้างมาจากปัญหาโควิด ช่วงเดินทางกลับจึงจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า อันจะนำไปสู่การหลับในแล้วจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่ร้ายแรง ทางรัฐเองควรจัดที่พักนอนริมทางให้เพียงพอ และขอให้ผู้ขับขี่ต้องยึดมาตรการ ง่วงไม่ขับ อย่างเคร่งครัด สงกรานต์ปีนี้ จึงเป็นปีที่น่าห่วงใยมากทุกๆคนทั้งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเอง และประชาชนที่เดินทางเองก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง ดูแลกันอย่างเต็มที่
