‘เศรษฐา’ ดีเดย์ 1 ม.ค.67 ถ้าเพื่อไทยชนะ ได้ตั้งรัฐบาล เริ่มโอนเงินดิจิทัลได้ทันที (มีคลิป)

‘เพื่อไทย’ ขนขุนพลเศรษฐกิจตั้งโต๊ะแจงยิบนโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่น ‘เศรษฐา’ โต้ไม่เคยมองคนเป็นยาจก ปัดเป็นประชานิยมสุดโต่ง คาดดีเดย์ 1 ม.ค.67 แย้มใช้งบกว่า 5 แสน ลบ. มาจากภาษี-ตัดงบกระทรวง ‘หมอมิ้ง’ ชี้เป็นนโยบายหวังปั๊มหัวใจ ไม่ใช่หยอดน้ำข้าวต้ม ขณะที่ ‘เผ่าภูมิ’ ยันไม่เลิกบัตรคนจน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรค พท. และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีมีการตั้งข้อสงสัยกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา พท.มีการแถลงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต จำนวนเงิน 10,000 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเอาเงินมาจากไหน ช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาประเทศเราบอบช้ำมาเยอะ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ พี่น้องประชาชนมีรายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม จนอยู่ในภาวะที่เรียกว่า ซึมลึก ซึมนาน ซึมยาว รัฐบาลปัจจุบันก็ค่อยๆ หยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง และไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจที่เหมาะสม ที่ถูกต้อง

Advertisement

พท.เราคิดใหญ่ทำเป็น เงิน 10,000 บาทนั้น จะให้เป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาทเลย ที่ต้องให้เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ให้เป็นเงินสด เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เราสามารถจำกัดวิธีการใช้ได้ หากให้เป็นเงินสดก็อาจจะใช้ไปในทางอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น เรื่องของการพนัน ยาเสพติด การใช้หนี้นอกระบบ เทคโนโลยีจะสามารถบอกได้ว่าไปใช้อะไรบ้าง ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าหากเป็นหนี้สถาบันการเงินจะสามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราต้องลงพื้นที่สอบถามความต้องการ หากเป็นความต้องการเราก็จะนำมาพิจารณาอีกครั้ง

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนระยะเวลาที่เราให้ใช้ภายใน 6 เดือนนั้น เพราะเราต้องการให้มีการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายใช้สอยอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องให้ความสำคัญ อีกเรื่องคือระยะรัศมีในการใช้ตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตรนั้น หากพื้นที่ไหนที่ไม่มีร้านค้าก็สามารถขยายระยะทางออกไปได้ ส่วนคนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แต่บัตรประชาชนอยู่ต่างจังหวัดจะสามารถใช้ได้หรือไม่นั้น เราตอบชัดเจนว่าไม่ได้ เพราะเราอยากให้กลับไปใช้เงินที่บ้านเพื่อที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ไม่ใช่ให้มีการมากระจุกตัวที่หัวเมืองอย่างเดียว หากภายใน 6 เดือนนั้นไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลย เงินก็จะหายไป ฉะนั้น คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ให้พี่น้องได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ภูมิลำเนา และไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนด้วย

Advertisement

เมื่อถามว่ามีนักวิชาการมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว พร้อมตั้งคำถามว่าเงินมาจากไหน และจะกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐากล่าวว่า นโยบายนี้จะทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนี่จะตอบคำถามได้ว่าเงินมาจากไหน ยืนยันว่าเม็ดเงินมาจากการจัดสรรงบประมาณ การจัดเก็บภาษี VAT ที่ได้เพิ่มมากขึ้น และการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล รวมทั้งสวัสดิการรัฐที่ลดน้อยลง

“ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง แต่เป็นความจำเป็นและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือเวลานี้” นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่างบประมาณปี 2567 ที่ตั้งไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้าเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายนี้จำเป็นต้องปรับลดงบประมาณกระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงกลาโหม หรืองบประมาณลงทุนหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า การจัดเก็บภาษีจะได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 2 แสนล้าน ส่วนงบประมาณอื่นๆ นั้นจะต้องดูงบประมาณในส่วนอื่นๆ ไม่ใช่งบประมาณกระทรวงกลาโหมเท่านั้นว่าอะไรเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ถามต่อว่าจำนวนเงินที่ได้สามารถนำไปใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าน้ำมันได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ได้ทั้งหมด ยกเว้นซื้อบุหรี่หรือใช้หนี้นอกระบบ

ถามย้ำว่าหวังกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไปร่วมโครงการได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งหมด ไม่ได้กีดกั้นใครคนใดคนหนึ่ง เราเสมอภาคเท่าเทียม

เมื่อถามว่าคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้ แล้วจะใช้งบประมาณเท่าไร นายเศรษฐากล่าวว่า จะมีประชาชนกว่า 50 ล้านคน ที่ได้รับสิทธิ ซึ่งจะใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในช่วงไตรมาส 3 และเริ่มโครงการได้ประมาณวันที่ 1 มกราคม 2567

เมื่อถามว่าคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ภายใน 4 ปี การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายนี้มองประชาชนเป็นยาจก นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก เป้าหมายของของพรรค พท.คือช่วยประชาชนพ้นหลุมดำของความยากจน ถ้าเกิดว่าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นจุดสตาร์ตให้ประชาชนลุกขึ้นเดิน ลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้งหนึ่ง ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน”

ด้าน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า จุดยืนของ พท.คือต้องการได้อำนาจรัฐเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งเราประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 และก็เริ่มมีมาตรการที่ค่อยๆ ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นรายได้ขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และที่สำคัญเราได้รับรองได้ว่าเราสามารถทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งเมื่อประชาชนมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รายได้ไม่เพียงพอ ก็เป็นการสำคัญที่หากพูดในเชิงการแพทย์ที่ เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อให้ยืดจากความตาย แต่เราจะต้องใช้การปั๊มหัวใจให้กลับคืนมาให้รวดเร็วเพื่อกลับมาแข็งแรง โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่จะปลุกกำลังของเราให้ฟื้นขึ้น เพื่อให้เราไปแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ระหว่าง 6 เดือนนี้เราจะมีมาตรการอื่นรองรับเพื่อให้เขาขยับไปทำมาหากินได้เพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่านโยบายนี้จะไม่เข้าข่ายหมิ่นเหม่กฎหมายที่สัญญาว่าจะให้ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา นี่เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ให้ให้เฉพาะจงเจาะ

ขณะที่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า พท.ประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเราต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่ให้กับประเทศ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะเศรษฐกิจดิจิทัลใช้เงินในรูปแบบนี้ ระบบการเงินยุคใหม่เป็นระบบที่ไร้ตัวกลาง สนับสนุนโดยเทคโนโลยีบล็อกเชน ต่อจากนี้คนไทย 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี โดยบัญชีที่ 1 คือบัญชีออมทรัพย์ ที่เป็นเงินปกติผูกกับธนาคารพาณิชย์ บัญชีที่ 2 คือ ดิจิทัลวอลเล็ตให้กับประชาชน ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนผูกกับบัตรประชาชนอัตโนมัติ และเราจะมอบกุญแจดิจิทัลให้กับประชาชนทุกคนในการเข้าถึงเงินนี้ ทั้งนี้ เราสามารถใช้บล็อกเชนในการเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่าใช้ภายใน 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ใช้ได้ในรัศมี 4 กม. เพื่อต้องการเงินหมุนในระดับหมู่บ้าน หรือชุมชนทั่วประเทศพร้อมกัน จึงเป็นส่วนที่แตกต่างจากแอพพลิเคชั่นเป๋าตังที่เป็นเงินในโลกยุคเก่า เราเป็นเงินในโลกยุคใหม่

เมื่อถามว่าจะให้ประชาชนต้องเลือกระหว่างนโยบายเงินดิจิทัลกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่ นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ไม่ได้ให้ประชาชนเลือกระหว่าง 2 ระบบนี้ เพราะประชาชนจะมี 2 บัญชี คือบัญชีออมทรัพย์ และบัญชีดิจิทัลวอลเล็ต แต่เราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จนวันหนึ่งคนจะหลุดจากเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ย้ำว่าเราจะไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ด้าน นายจักรพงษ์ กล่าวว่า พท.ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกระหว่างบัตรคนจนกับโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล หาก พท.ได้เริ่มดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลเมื่อไหร่ คนไทยคงไม่อยากกลับไปใช้บัตรคนจนอีกแล้ว ซึ่งจะทำให้เราสามารถลดงบประมาณรายจ่ายในส่วนนี้ได้ถึง 5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ยังไม่มีการผ่านในวาระใด หากเราชนะเลือกตั้งเราสามารถเข้าไปทำงบประมาณปี’67 ได้ ซึ่งเราสามารถรีดงบประมาณในส่วนที่คิดว่าเป็นส่วนเกินได้หลายแสนล้าน

ทั้งนี้ พท.ห่วงใยเรื่องวินัยการเงินการคลัง เราห่วงใยตั้งแต่ยังไม่มี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังด้วยซ้ำ และเราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่สามารถทำนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ทั้งหมด โดยยังสามารถรักษาวินัยการเงินการคลัง เราใช้เงินเป็นและหาเงินเป็นด้วย ดังนั้น ทุกนโยบายคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำได้จริง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image