‘ไพบูลย์’ ชี้ นโยบาย พท.แจกเงินดิจิทัล เป็นไปได้ยาก เหตุต้องมี กม.รองรับ ห่วง ซ้ำรอยคดีเงินเยียวยาม็อบ
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ชูนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า การชูนโยบายนี้ของพรรค พท. ต้องถูกตรวจสอบเยอะ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างกรณีของพรรค พปชร. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จะมีกฎหมายรองรับ ดังนั้นพอเป็นรัฐบาลเราสามารถดำเนินการได้เลย
แต่ในส่วนของพรรค พท. การที่จะดำเนินการได้ต้องออกกฎหมายก่อน หากดำเนินการเลยโดยมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเหมือนกับกรณีคดีเงินเยียวยาผู้ชุมนุมปี 2548-2553 ซึ่งคดีนั้นคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับแต่อาจจะไม่เอาผิด แต่หากเทียบกับกรณีนโยบายนี้ของพรรค พท. หากไม่มีกฎหมายแล้วดำเนินการเลย เชื่อว่า ครม.ที่ดำเนินการมีปัญหาแน่
ทางพรรค พท. เองก็ต้องทำให้ชัดเจนต่อสังคม ซึ่งทางพรรคที่กล่าวว่าสามารถดำเนินภายในเดือนนั้นๆ เป็นไปไม่ได้ หากต้องออกกฎหมายมารองรับก็ต้องใช้ระยะเวลา การให้เงินเช่นนี้อาจจะเป็นการให้เงินแบบหว่านแห กฎหมาย ซึ่งจะต่างจากกฎหมายแบบสวัสดิการแห่งรัฐที่จะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ถือว่าเป็นเหตุผลทางกฎหมายและทางสังคม แต่การหว่านโดยไม่คำนึงอะไรไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้เลย เชื่อว่ากฎหมายที่จะออกมาเพื่อรองรับเรื่องนี้จะถูกต่อต้านจากหลายๆ ฝ่าย สุดท้ายอาจจะถูกส่งตีความไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งถ้าพยายามจะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ด้วยจะยิ่งไปกันใหญ่เพราะไม่ได้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ดังนั้นการที่บอกว่า สามารถดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน ในฐานะเป็นนักกฎหมาย ขอพูดในแง่กฎหมายว่าไม่น่ามีทางเป็นไปได้
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรค พปชร.มีอยู่แล้ว โดยการคำนึงถึงว่าต้องมีกฎหมายรองรับ เราคงไม่ทำนโยบายชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อน นโยบายของเรามุ่งไปกลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางพรรคห่วงใย ส่วนผู้ที่แข็งแรงอยู่แล้ว เราจะไปหว่านหรือเป็นการใช้เงินตำแบบน้ำพริกละลายแม่น้ำ เราไม่ทำ
ส่วนกรณีการออกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของพรรค พท.นั้น เข้าข่ายเป็นนโนบายประชานิยมหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องนั้นตนไม่อยากวิจารณ์ ทางเลขาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า สามารถยื่นแจ้งได้ในชั้นของ กกต. ว่าใช้เงินงบประมาณ แต่ที่ตนพูดถึงคือ การจะไปใช้เงินงบประมาณนั้น จะใช้มติของ ครม.ไม่ได้ ต้องมีกฎหมายเขียนไว้ ต้องมีการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย
