‘จาตุรนต์’ ย้ำ ถ้าจะให้ ปชช.ได้รับความยุติธรรม ต้องทำให้ประเทศนี้มีประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง “ถ้าจะให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมมีทางเดียว คือจะต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย” โดยมีรายละเอียดว่า “เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน แค่เหตุการณ์เดียวก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลและผู้มีอำนาจในขณะนั้น ได้กระทำผิดทำให้เกิดการสังหารประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บล้มตาย
แต่ทำไมไม่สามารถเอาผู้กระทำผิดที่สั่งการมาลงโทษได้แม้แต่รายเดียว
แม้มีการฟ้องเป็นทอดๆ จนส่งไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่มีการพิจารณาว่าจำเลยถ้าเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ศาลไม่รับคำฟ้องของอัยการ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ดำเนินการโดย ป.ป.ช. เรื่องนี้จึงยุติที่ศาลไปแบบนี้ พอหันไปที่ ป.ป.ช.ก็วินิจฉัยตัดสินว่าคดีเป็นที่ยุติไม่ดำเนินคดีผู้ต้องหาแม้แต่รายเดียว
ซึ่ง ป.ป.ช.เกิดจากการแทรกแซงของ คสช.เป็นคนสนิทนั่งหน้าห้องของรองหัวหน้า คสช. เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมมันจึงไม่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เพียงระบบยุติธรรมที่ล้มเหลวเท่านั้น แต่มันเป็นการล้มเหลวของระบบยุติธรรมที่เกิดจากการแทรกแซงครอบงำของคณะรัฐประหาร
ถ้าจะให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมมีทางเดียวคือ จะต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยให้ได้ เพราะความยุติธรรมจะไม่มีทางเกิดขึ้นในระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะความยุติธรรมได้ถูกทำลายไปจากการปกครองแบบเผด็จการ
ปัญหาในเรื่องการจะทวงความยุติธรรมจะรื้อคดีขึ้น ผมเองก็เอาใจช่วย แต่ดูจากระบบกฎหมายของประเทศนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะผู้มีอำนาจได้เข้าไปแทรกแซงในขั้นตอนต่างๆ ไปก่อนแล้ว
แต่ถ้าเป็นการจะเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรมโดยให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามา โดยส่วนตัวแล้วมีความหวัง และมีความปรารถนาอยากจะเห็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลของฝ่ายประชาชนดำเนินการเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในที่สุด
เรารำลึกเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 53 รำลึกวีรชนที่เสียชีวิตที่บาดเจ็บพิการไป โดยไม่ให้การรำลึกนั้นเสียเปล่า ก็คือต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของพวกเขา เจตนารมณ์ของพวกเขาจริงๆ แล้วไม่มีอะไรซับซ้อน พวกเขาแค่ต้องการให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้น เรามาร่วมกันทำให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตยครับ
จาตุรนต์ ฉายแสง
10 เมษายน 2566
