เป้าปีนี้500คดี! ประธานป.ป.ช.ผุด ตั้งสำนักคดีร่ำรวยผิดปกติ-ไต่สวนคดีป่าไม้

ประธาน ป.ป.ช.ยืนยันมุ่งเน้นทำงาน เคลียร์คดีให้ได้ 500คดีในปีนี้ เผยแนวคิดจัดตั้งสำนักคดีร่ำรวยผิดปกติ –ไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติ ไม่เกิน 1-2 ปี เคลียร์ สนิทบิ๊กป้อม

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มีพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่เป็นประธาน พร้อมด้วยกรรมการ ป.ป.ช.อีก 8 ท่านและนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมแถลงข่าว โดยพล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะดำเนินการคือการมุ่งเน้นการทำงานแบบ 5 ส คือ สามารถ สุจริต สากล สร้างสรรค์ สามัคคี และจะขับเคลื่อนในด้านการป้องกันการทุจริต ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556 – 2560 ) ดังนั้นสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด จำเป็นต้องมุ่งเน้น ในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการป้องกันและปราบปรามให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสร้างภาคีเจครือข่ายที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมสุจริตระดับชาติ

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ด้านการปราบปรามการทุจริต ขณะนี้มีคดีที่อยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริง 2,132 เรื่อง ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริงและพยาน 9,839 เรื่อง จึงเป็นเรื่องที่หนักใจ แต่เราจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้รอบคอบที่สุด ซึ่ง การดำนินการต่อไปในส่วนของการแสวงหาข้อเท็จจริงและการไต่สวนข้อเท็จจริง จะมีการออกเป็นระเบียบเพื่อนิยามคดีใดเป็นคดีเล็กกลางใหญ่และใหญ่พิเศษ รวมถึงจะกำหนดกรอบและเวลาดำเนินการรวมถึงขบวนการทำงานด้วย โดยคดีเล็กและกลางจะให้สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด ดำเนินการทั้งหมดก่อนสรุปเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการป.ปช.ชุดใหญ่วินิจฉัย ส่วน สำนักงาน ป.ป.ช.ส่วนกลางจะรับผิดชอบคดีสำคัญที่ใหญ่หรือคดีที่ประชาชนให้ความสนใจจะต้องดำเนินการให้เร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากยังทำงานแนวเดิม ป.ป.ช.คงไม่ต้องรับคดีใหม่เข้ามา โดยตั้งต้นปีจนถึงขณะนี้มีผู้ชี้ข้อมูลให้ป.ป.ช.ตรวจสอบนับเป็นครึ่งหนึ่งของปีที่แล้วรวมทั้งปี จึงเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นของป.ป.ช.และรัฐบาล ดังนั้นในปีนี้ป.ป.ช.ต้องรับเรื่องในการไต่สวนมากกว่าปีที่แล้ว โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้ ป.ป.ช.จะสามารถเคลียร์คดีไต่วนที่ค้างคา ได้เป็นสองเท่าของปีที่แล้วหรือประมาณ 500 คดี และจะนำรายละเอียดของคดีเข้าสู่สารบบเพื่อติดตามและสร้างความเชื่อมั่นได้

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ส่วนด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน มีแนวคิดจัดตั้งสำนักคดีร่ำรวยผิดปกติ เพื่อทำหน้าที่ในการไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติโดยเฉพาะรวมถึงสำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติ ว่า ภายใน 1-2 ปีนี้สามารถจัดตั้งได้เป็นรูปธรรม เบื้องต้นจะมีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้านเพื่อให้เกิดความชัดเจนและผลักดันให้คดีในส่วนนี้เกิดความรวดเร็ว

เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจต่อสังคมได้อย่างไรเพราะประธาน ป.ป.ช.มีเสียงวิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดผู้ใหญ่ใน คสช. พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ใกล้ชิดอยู่แล้วเพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้ทาบทามให้ตนเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เนื่องจากมองว่าตนมีประสบการณ์สามารถช่วยกลั่นกรองงานได้ โดยขณะนี้เป็นช่วงรัฐบาลพิเศษการที่ตนเข้าไปทำงานดังกล่าวเพื่อประเทศชาติก็เต็มใจที่จะทำและเมื่อมีการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ตนก็เห็นว่าเป็นโอกาสอีกครั้งที่จะทำงานให้ประเทศได้ จึงลาออกจาก สนช.และตำแหน่งอื่นๆ โดยตนถูกตรวจสอบมากกว่าใครเพื่อนและทุกอย่างก็จบไปแล้ว และตนพูดมาหลายครั้งการสนิทสนม ตนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักกันบ้าง แต่การปฏิบัติต่างหากจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งตนถูกสอดส่อง จากทั้งสื่อมวลชนและอื่นๆอีกมากมาย ถ้าทำไม่ดีก็จะถูกดำเนินคดีมีโทษเป็นสองเท่า จึงไม่เอาเกียรติประวัติการเป็นข้าราชการที่ผ่านมามาทำอะไรไม่ถูกต้องแน่ ยืนยันยิ่งถูกเฝ้ามอง ยิ่งมุ่งมั่น ส่วนที่มีการครหาว่าในคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอดีตตำรวจสองคนนั้นจะมีการนำวัฒนธรรมขององคืกรตำรวจมาใช้ที่ป.ป.ช.หรือไม่ว่า วัฒนธรรมเป็นสิ่งดีงามและมันเสียหายอะไร

ADVERTISMENT