‘ชัยธวัช’ ปลุกกาก้าวไกล ดีด 2 ป. – ประเทศ ‘เปลี่ยน’

หมายเหตุ – นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงความพร้อมของพรรคก.ก. รวมทั้งทิศทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง

⦁ การจัดโครงสร้างพรรครอบนี้ต่างจากเมื่อปี 2562 อย่างไร และตั้งเป้าไว้ว่าจะบรรลุผลในด้านใดบ้าง

การเซตทีมเตรียมการเลือกตั้งครั้งนี้ มีความพร้อมและสมบูรณ์มากขึ้นกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยช่วงปี 2562 จะมีคนที่เป็นแกนนำที่ประชาชนรู้จักแค่ 3 คน คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุลและ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แต่คราวนี้มีทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. และมี ส.ส.หลายคนที่ประชาชนรู้จัก ทำให้เกิดการกระจายคนไปพบปะพี่น้องประชาชน และการขึ้นเวทีปราศรัยมากขึ้น ทั้งยังเหมาะสมกับประเด็นและพื้นที่ได้มากขึ้น กองอำนวยการเลือกตั้งก็มีประสบการณ์มากขึ้น การเลือกตั้งคราวนี้เราได้เตรียมนโยบายที่ดีมากเมื่อเทียบกับนโยบายเมื่อปี 2562 เพราะมี Think Forward Center หรือศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ที่ทำหน้าที่วิจัยนโยบายตามข้อมูลที่ได้มาจากประชาชนในพื้นที่ ภายใต้การดูแลของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก. ส่วนการสื่อสารนโยบาย และตอบโจทย์พี่น้องประชาชนก็ดีขึ้นมาก เพราะมีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ มาช่วยเสริมทัพสื่อสารนโยบาย เป็นการนำฝ่ายแคมเปญมาเป็นข้อกลางระหว่างการรณรงค์กับงานนโยบาย

การคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ก็ดีขึ้นมาก เรามีตัวเลือกจากผู้ที่เสนอตัวมาร่วมงานกับพรรค ก.ก.มากขึ้น ดังนั้นเราจึงคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพ และยกระดับได้มากขึ้นกว่าปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากบัญชีรายชื่อและเขต ทีมงานที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละเขตก็พร้อมมากขึ้น

Advertisement

⦁ เหตุใดจึงให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล มาร่วมช่วยหาเสียงด้วย เป็นกลยุทธ์เพื่อช่วยการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคของนายพิธาอย่างไร

ไม่ใช่กลยุทธ์อะไร แต่เป็นความต่อเนื่องกันระหว่างอดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรค ก.ก. แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไป แต่ความคิด ความฝัน และแนวทางการทำงานยังสืบทอดต่อมาในนามพรรค ก.ก. ดังนั้นเมื่อถึงการเลือกตั้ง ทุกคนที่ยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันโปรเจ็กต์ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ต่อ ก็ต้องมาร่วมกัน แม้จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองและลงเลือกตั้งเองก็ตาม ซึ่งไม่เฉพาะ 3 คนนี้ แต่ยังมีอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ หลายคนมาช่วยกันเต็มที่

ความนิยมของพรรคเพิ่มขึ้น ไม่ใช่จากปัจจัยผู้ช่วยหาเสียงอย่างเดียว ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่เรามอนิเตอร์ในออนไลน์ หรือจากการลงพื้นที่พบปะกับประชาชน ค่อนข้างเชื่อมั่นในกระแสการตอบรับและความนิยมที่มีต่อพรรคกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งมาจากหลายเหตุปัจจัย ทั้งผู้ช่วยหาเสียง การที่หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ดีในระดับพื้นที่และสื่อมวลชน รอบนี้ผมไปเยี่ยมผู้สมัคร ส.ส.ที่ไหนทีมงานจากหลายจังหวัดพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอบการเลือกตั้งปี 2566 หาเสียงง่ายกว่าปี 2562 มาก เพราะความรู้จักที่ประชาชนมีต่อพรรค ก.ก.มีรากฐานที่มั่นคง กว้าง และลึกขึ้น
เป็นผลมาจากการทำงานของอดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรค ก.ก.

Advertisement

⦁ คาดว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง

ยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ สิ่งที่เราสัมผัสได้คือน่าจะทำผลงานได้ดีกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่แน่นอน เพียงแต่ว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ที่จะได้รับความเห็นชอบจากพี่น้องประชาชน คงจะเป็น ส.ส.เขต แทนที่จะเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อเรายังคิดว่าจากวันนี้เดินไปจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อทะลุ 30 คน และตอนนี้เรามีเขตที่เป็นเป้าหมายอยู่ประมาณ 140 กว่าเขต ที่โฟกัสว่ามีโอกาสจะชนะเลือกตั้ง จึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะถึง 100 ที่นั่ง

⦁ ใช้หลักการใดจัดลำดับ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ให้คนเก่าบางคนไปอยู่ลำดับท้ายๆ แต่คนเก่าบางคนยังคงอยู่ลำดับต้นๆ

การทำงานหลายๆ อย่าง ตามวัฒนธรรมทางการเมืองของพรรค ก.ก.แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ เป็นการทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ไม่ได้คิดว่าใครจะต้องมีหน้าตาอย่างไร ใครจะต้องมีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองตามวิธีคิดแบบเดิมๆ ความจริงการจัดทำผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหมือนกับการไปสมัครงานกับประชาชนว่า เรามองเห็นเรื่องใดเป็นประเด็นสำคัญของสังคมที่ต้องผลักดันเปลี่ยนแปลง เราก็จัดบัญชีรายชื่อแบบนั้น เราพยายามจะไม่ไปผลิตซ้ำวัฒนธรรมทางการเมืองที่วัดจากพรรษาทางการเมืองเท่าไหร่ ใครมาก่อนขึ้นก่อน ใครมาหลังต่อแถวทีหลัง แต่ต้องเป็นพรรคที่ยืดหยุ่นเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้คนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องวัดกันว่าใครมีกำลังทรัพย์มากกว่า แล้วจะได้เป็นหัวหน้ามุ้ง

⦁ เหตุใดนายชัยธวัชจึงลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย

สำหรับผมไม่มีอะไรมาก เพราะที่ผ่านมาทำงานข้างหลังมาโดยตลอดตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตอนนั้นปวารณาตัวว่าไม่ได้คิดว่าจะต้องไปเป็น ส.ส.กันทั้งหมด เพราะการสร้างพรรคเป็นงานที่สำคัญมากพอๆ กัน จึงจัดวางตัวเองว่าขอทำงานตรงนี้ดีกว่า คือการเป็นรองเลขาธิการพรรค ทำงานหลังบ้านเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเป็นความจำเป็นของสถานการณ์ เพราะเมื่อเกิดการยุบพรรคอนาคตใหม่ คนที่ทำงานหลังบ้านจึงต้องขยับมาอยู่หน้าบ้านในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งตามปกติก็จะอยู่ในบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว โดยบางคนที่ทำงานหน้าบ้าน ก็สลับไปทำงานหลังบ้านแทน เช่น นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ก.ก.

⦁ แก้ปัญหาให้ประชาชนที่ชอบนโยบายพรรคก้าวไกลมาก แต่ไม่ชอบการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างไร

ความจริงมีหลายแบบ คือมีคนที่สนับสนุนเราเพราะจุดยืนทางการเมืองแบบนี้จำนวนมาก ซึ่งกลุ่มนี้จะพิจารณาถึงนโยบายอื่นๆ ด้วย ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม
ส่วนกลุ่มที่เห็นด้วยกับการทำงานและนโยบายของเราตลอด 4 ปี แต่ติดใจกันเรื่องเดียว เช่น เรื่องมาตรา 112 ก็มี แต่ถือว่าน้อยมาก กระแสที่ตั้งคำถาม หรือโจมตีเราเรื่องนี้ มีไม่มากเท่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้เสนออะไรเลย

⦁ การที่พรรค ก.ก.ได้รับความนิยมมากขึ้น จะทำให้พรรคคู่แข่ง หรือขั้วตรงข้ามจะสร้างสถานการณ์มาดิสเครดิตในช่วงใกล้เลือกตั้งหรือไม่

เราเจอมาตลอดอยู่แล้ว แต่ยิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีขบวนการเหล่านี้มากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะจากกลุ่มการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ต้องการเห็นพรรค ก.ก.เติบโตขึ้นเท่านั้น แต่เรายังตั้งข้อสงสัยในหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะการทำไอโอ หรือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร เช่น การบิดเบือนว่าพรรค ก.ก.จะตัดเงินบำนาญ และต่อว่าข้าราชการว่าเป็นช้างป่วย จนทำให้ข้าราชการเข้าใจผิดและปฏิเสธพรรค ก.ก. เราเห็นว่าเป็นการจัดตั้งอย่างเห็นได้ชัด และมีความเป็นไปได้ว่าจะออกมาจากหน่วยงานของรัฐเองด้วยซ้ำ สิ่งที่เราทำได้คือการชี้แจงและตอบโต้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนช่วยกันชี้แจงแก้ไขว่าสิ่งที่รับรู้กันคือการบิดเบือน และเฟคนิวส์ ขณะเดียวกันพรรค ก.ก.จะต้องสร้างความโดดเด่น โดยทำให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร

การพยายามดิสเครดิตเช่นนี้คงจะเข้มข้นมากขึ้น ล่าสุดหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคถึงขั้นออกมาระบุ แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อถึงพรรค ก.ก.โดยตรง แต่ก็ออกมาพูดถึงคนที่เห็นต่างทางการเมือง ที่น่าจะตั้งใจพาดพิงมาที่พรรค ก.ก.ด้วยว่าเป็นพวกชังชาติ ไม่อยากอยู่ประเทศนี้ก็ไปอยู่ประเทศอื่น ถึงขั้นประกาศว่าประเทศไทยจะต้องอยู่แบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป เราจึงจะเห็นการปั่นกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงเพราะโจมตี และสกัดกั้นพรรค ก.ก. แต่เพื่อที่จะสร้างจุดขายให้ตัวเองด้วย เพราะบางพรรคการเมืองไม่รู้จะขายอะไรแล้ว ก็ต้องขายแบบนี้ เพื่อแย่งชิงคะแนนเสียงที่เป็นฝ่ายขวา หรือสร้างความกลัวให้กับคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลงด้วยข้อมูลผิดๆ ให้มาเลือกตัวเองให้มากที่สุด

การที่พรรคการเมืองนี้ประกาศเช่นนี้ สะท้อนในสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญในการเมืองไทยคือ มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจ เป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่บนยอดพีระมิดของสังคม ที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยน แล้วเขาคิดอะไรก็จะแสดงออกอย่างชัดเจน เช่น การต้องการล้มรัฐบาล การต้องการเข้ามาจัดระเบียบประเทศไทยใหม่ ก็พร้อมจะรัฐประหาร ครั้งที่หนึ่งไม่ได้ดั่งใจ ครั้งที่สองก็ทำอีก แม้หลายคนจะไม่เชื่อว่าจะกล้าทำสองครั้งติดๆ ถึงขนาดออกแบบรัฐธรรมนูญที่ย้อนยุค และฝืนพัฒนาการของสังคมไทยเองมากๆ ก็ยังกล้าทำ กล้าที่จะประกาศว่าตัวเองฝันอย่างไรในแบบอนุรักษนิยม กล้าประกาศความฝันให้ประเทศไทยหยุดนิ่งและถอยหลังกลับ ผ่านการออกกฎหมาย และการกล่อมเกลาแนวคิดให้คนในสังคม ส่วนฝ่ายที่อยากให้สังคมไทยไปข้างหน้ากลับลังเล และบอกว่าการเมืองแบบพรรค ก.ก. คือการเมืองขายฝัน เพ้อฝัน ไม่เป็นจริง ผมคิดว่าสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งจำเป็นต้องเป็นการเมืองแบบพรรค ก.ก. การที่บอกว่าอย่าฝันเลย มันเป็นไปไม่ได้ เราเสนอได้แค่นี้ เสนอไปแค่นี้พอ ค่อยๆ ไป จึงย้อนแย้งมาก ทั้งที่ฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายก้าวหน้ายิ่งต้องประกาศความฝันแข่งกับฝ่ายที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทย ทำไมเราถึงอนุญาตให้ฝ่ายอนุรักษนิยมกล้าประกาศความฝันอยู่ฝ่ายเดียวในสังคมแบบนี้ การเมืองแบบพรรค ก.ก.จึงสำคัญมากในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้

⦁ การทำพรรคแบบยึดโยงประชาชน ไม่มีนายทุน หรือไม่มีเจ้าของพรรค ตามอุดมการณ์ที่ประกาศไว้ ถือว่ายากหรือไม่

ยากมากครับ เพราะพูดง่ายแต่ทำยาก เรายังคิดว่าเรายังอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ดีพอที่จะเป็นพรรคอย่างที่เราอยากจะเห็น ตอนนี้อาจจะอยู่แค่ 10-20% ในสิ่งที่เราอยากจะเห็นอยากจะสร้าง แต่ว่าต้องเริ่มต้นให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นจะออกนอกลู่นอกทางไปเลย เช่น ความพยายามใช้งบประมาณให้น้อยที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อทำให้เราไม่ถูกบีบให้ไปหาเงินในแบบที่ไม่ควรจะเป็น ถ้าเราเริ่มต้นทำงานโดยใช้เงินเยอะ จะถูกดึงดูดให้ไปหาผลประโยชน์บางอย่าง เราจึงต้องหารูปแบบการทำงานใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ประชาชน มาทดแทนวิธีการเก่าๆ ส่วนเรื่องการสร้างประชาธิปไตยภายในพรรคก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีอะไรที่ดีงามพร้อมแล้ว

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การระดมเงินบริจาค หลายคนอาจจะมองว่าพรรค ก.ก.ใช้กิมมิกเปิดรับบริจาคผ้าป่าสู้ศึกเลือกตั้ง ผมบอกอย่างไม่อายเลยว่า เราร้อนเงินจริงๆ (หัวเราะ) แล้วเราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะคิดว่าอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่วันหย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้น ทุกคนสามารถร่วมได้ในแบบที่แต่ละคนทำได้

⦁ มีดีลจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร

ผมคิดว่าชัยชนะของพรรค ก.ก.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากหรือน้อย เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดหน้าตาของรัฐบาลหน้าเลยด้วยซ้ำ ชัยชนะของพรรคต่างๆ ไม่กระทบกับหน้าตาของรัฐบาลหน้ามากเท่ากับชัยชนะของพรรค ก.ก. เช่น ตอนนี้ประชาชนสนใจว่ารัฐบาลหน้าจะมีพรรคที่สืบทอดมาจาก คสช.หรือไม่ พรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมคิดว่ายากแล้วที่จะกลับมามีอำนาจอีก ได้ ส.ส.ถึง 40 คนหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่พรรคของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะยังอยู่ในอำนาจรัฐต่อหรือไม่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ผมคิดว่าปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ว่าพรรค ก.ก.มีกี่เสียง ดังนั้นผลการเลือกตั้งของพรรค ก.ก.จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดหน้าตาของรัฐบาลหน้า

ถ้าพรรค ก.ก.ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าจะเป็นไปตามที่นายพิธาพูดว่า เลือกพรรค ก.ก.ได้ 3 เด้ง คือ เด้งหนึ่ง เอาประยุทธ์ออกไป เด้งที่สอง เอาประวิตรออกไปด้วย ซึ่งเป็นสองเด้งที่สำคัญมาก ส่วนเด้งที่สามคือ เราจะได้คนใหม่ๆ ในความหมายที่ว่า เป็นคนที่มีวิธีคิด และวิธีการการทำงานแบบใหม่ๆ เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ให้การเมืองไทยวนกลับไปเป็นแบบเดิมอีก แล้วเราจะทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่สำเร็จหรือไม่คิดจะทำ นี่คือสิ่งที่เราอยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ถ้าเลือกพรรค ก.ก.ประชาชนจะได้สิ่งเหล่านี้

ส่วนปัจจัย ส.ว.นั้น ผมเชื่อมั่นอย่างมากว่า อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาศัยเสียง ส.ว.มาเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดตัวนายกฯไม่เป็นจริงในทางการเมือง มันเป็นแค่คำขู่เท่านั้น ส.ว.มาจากการออกแบบรัฐธรรมนูญของ คสช. เพื่อจะประกาศว่าต้องยอมรับให้คนที่สืบทอดอำนาจอยู่ในอำนาจไปตลอด เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว แต่ในความเป็นจริงทางการเมือง ยกตัวอย่างการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 การจับขั้วรัฐบาลมันจบก่อนวันโหวตนายกฯแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะว่า ส.ว.ไปโหวตสวนเสียงส่วนใหญ่ โดยผมเป็นคนหนึ่งในกระบวนการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ด้วย ดังนั้น เราก็คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันบางพรรค พบว่า พรรคการเมืองหนึ่งไม่กล้าหักกับ คสช. อีกพรรคก็สมประโยชน์ในบางเรื่อง หมายความว่าการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่ว่า ใครรวมเสียงข้างมากได้มากกว่ากันก็เท่านั้น จึงจบก่อนวันที่ ส.ว.จะโหวต และ ส.ว.เป็นเพียงข้ออ้างทีหลังว่าเราจำเป็นต้องยอมโหวตผิดสัญญากับประชาชน ว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพราะเราปฏิเสธเสียง ส.ว.ไม่ได้ รอบนี้ผมจึงเชื่อมั่นว่าใครจะจับขั้วรัฐบาลกัน เป็นเพราะเรื่องอื่นที่อยู่หลังฉากเท่านั้น ไม่ใช่เรื่อง ส.ว.รอบนี้ยิ่งยากไปใหญ่ที่ ส.ว.จะกล้าโหวตสวนประชาชน และจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาลปัจจุบัน ได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก และอยากจะเปลี่ยนทีมบริหารประเทศใหม่ ส.ว.จะยิ่งไม่กล้าโหวตสวนมากยิ่งขึ้นไปใหญ่ หาก ส.ว.โหวตสวนมติมหาชน จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองได้ และผมเชื่อว่า ส.ว.ไม่อยากจะเป็นจำเลยของสังคม

⦁ นายกฯควรจะมาจากพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดหรือไม่

ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองปกติในระบบรัฐสภา ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ควรจะต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แล้วขอให้เชื่อมั่นตรงนั้นว่า เสียงของ ส.ว.ไม่ได้เป็นนัยสำคัญ ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันทลายความคิดนี้

สุนันทา บวบมี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image