‘วราวุธ’ เล็งเป้าชทพ. 25 ที่นั่ง ชูนโยบาย ‘Wow Thailand’

หมายเหตุนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์มติชนถึงความพร้อมและเป้าหมายของพรรค ชทพ.ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ความพร้อมของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

เมื่อวันที่ 5 เมษายน พรรค ชทพ.ไปจับเบอร์ผู้สมัคร ส..บัญชีรายชื่อมาแล้ว ได้เบอร์ 18 ถือว่าเป็นเลขที่จะทำให้พรรค ชทพ.ได้ไม่ต่ำกว่า 25 เสียง ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ ส่วนของ ส..แบบแบ่งเขตยื่นสมัครไปแล้วทั้ง 50 เขต ดังนั้นผู้สมัครทั้งระบบบัญชีรายชื่อและในระบบเขต พร้อม 100% ในการเดินหน้าหาเสียง เดินหน้าทำความเข้าใจ แนะนำเบอร์ แนะนำตัวเอง นำเสนอแนวทางของพรรค ชทพ.ให้กับประชาชนทั่วประเทศ ผ่านนโยบายว้าวไทยแลนด์ “Wow Thailand” แนวนโยบายที่นำเสนอ เชื่อว่าเป็นนโยบายแก้ปัญหาอนาคตและปัจจุบันได้พร้อมกัน นโยบายที่ดีไม่ใช่การแก้ปัญหาในปัจจุบันแล้วไปสร้างปัญหาให้กับลูกหลานในอนาคต ดังนั้น แนวนโยบายเรื่อง “Wow Thailand” ไม่ว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การใช้คาร์บอนเครดิต การมอบพันธุ์ข้าวให้กับพี่น้องเกษตรกร ขยายเขตไฟฟ้าทั่วประเทศ การมีระบบคมนาคมทั่วถึงให้กับพี่น้องทั้งในเมืองใหญ่ และเมืองต่างๆ เป็นแนวทางการทำงานสะท้อนให้เห็นความยั่งยืน ไม่เน้นเรื่องการ ลด แลก แจก แถม แต่เน้นความยั่งยืน เน้นให้คนเก่งมานำพาประเทศไทย ถึงเวลาต้องให้คนเก่งแต่ละสาขา เช่น ภาคการเกษตร วันนี้มีปราชญ์ชาวบ้านอยู่มากมาย ใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่ในแผ่นดินไทยนี้ เป็นเกษตรอินทรีย์ 100% ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ก็สร้างความมั่นคงมั่งคั่งให้กับพี่น้องเกษตรกรได้จริง นี่คือนโยบายของจริง ถึงเวลาเอาคนตัวจริงเหล่านี้มานำประเทศ มีฝ่ายการเมืองและพี่น้องข้าราชการนั้นเป็นคนเสริมการทำงานให้กับคนไทย

พรรค ชทพ.ชูนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรรม มีที่มาที่ไปอย่างไร

Advertisement

วันนี้ ภาคการเกษตรของไทยปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในภาคใหญ่ที่สุดของประเทศ ครอบคลุมพี่น้องเกษตรกรนับสิบล้านชีวิต เกษตรกรจากประเทศไทยจากนี้ไปจะต้องเปลี่ยน ย้ำเลยว่าต้องเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีคิดและเปลี่ยนวิธีทำ จะอีกกี่รัฐบาลก็เหมือนเดิม ไม่เพียงเฉพาะภาคการเกษตร แต่ทุกภาคส่วน แต่วันนี้เรามาพูดกันเรื่องภาคการเกษตร ภาคสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงกันอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง นโยบาย Wow Thailand หนึ่งในหัวใจสำคัญคือ เกษตรกรรุ่นใหม่ขายคาร์บอนเครดิตได้ เราพูดถึงการมอบพันธุ์ข้าวชั้นดีให้กับเกษตรกรทั้ง 60 ล้านไร่ การขยายเขตไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทางการเกษตรของประเทศไทย ทำให้ไฟฟ้าลดลงมาเหลือเพียงหน่วยละ 2 บาท การให้มีน้ำอุปโภคบริโภคครบทุกตำบล ใช้บาดาลขนาดใหญ่ในประเทศไทย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสร้างให้พี่น้องเกษตรกรมีความมั่นคงและมั่งคั่งขึ้นมา 

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ คาร์บอนเครดิต วันนี้แนวการปลูกข้าวบ้านเราตั้งแต่อดีต เราทำงานกันมาแบบเดียวคือ ปล่อยให้มีน้ำขังอยู่ในทุ่งนาอยู่ตลอด 3-4 เดือน ผลที่ตามมาคือการมีน้ำขังอยู่เยอะ ทำให้เกิดการหมักหมม สะสมตัวบ่มเพาะของจุลินทรีย์ต่างๆ เกิดขึ้นเป็นก๊าซมีเทน หรือก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้จะโดนกำแพงภาษี ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปสหรัฐเยอะที่สุด วันนี้สหรัฐมีกฎหมายใหม่เรียกว่า Clean Competition Act (CCA) คล้ายกับกฎหมาย Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ของยุโรป เป็นกำแพงภาษีกีดกันเรื่องสิ่งแวดล้อม วันนี้ CCA ของสหรัฐยังไม่ครอบคลุมถึงสินค้าการเกษตร แต่อนาคตจะครอบคลุมแน่ วันนี้เป็นโอกาสพี่น้องเกษตรกรไทยจะต้องปรับเปลี่ยน ต้องทำให้เป็นข้าวคาร์บอนต่ำ เป็นข้าวที่มี Carbon Footprint น้อยลง ถามว่าเป็นคอนเซ็ปต์ยากไหมที่พี่น้องเกษตรกรจะเข้าใจ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ยาก ถามว่ายากเกินไปไหม ไม่มีอะไรยากเกินไป เพราะวันนี้แปลงทดลองที่สุพรรณบุรี อ.เดิมบางนางบวช มีเกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่มนาแปลงใหญ่ เกษตรกรรุ่นใหม่เดิมบางนางบวชรวมตัวกันประมาณ 5,000 ไร่ เปลี่ยนวิธีทำนาข้าวเป็นแบบเปียกสลับแห้ง ทำให้ขายคาร์บอนเครดิตได้ไร่ละ 500-600 บาทต่อปี ทำให้ผลการผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 20-30% จาก 600 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 800 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณทุ่มลงไปให้กับพี่น้องเกษตรกร ทำให้มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน อาจไม่ใช่เป็นหมื่นเป็นแสน แต่ทีละนิดทีละหน่อยก็เป็นกอบเป็นกำได้เหมือนกัน เป็นแนวทางการทำการเกษตรยั่งยืน แข่งขันในเวทีระดับนานาชาติได้ คือหัวใจสำคัญที่ทำไมวันนี้เราเน้นเรื่องการเกษตร เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม วันนี้เราขอให้พี่น้องเกษตรกรลองเปลี่ยนเสียก่อน ก่อนจะมีกฎหมายมาบังคับเราให้เราเปลี่ยน 

โดยทั่วไปเกษตรกรจะคุ้นเคยกับวิธีการดั้งเดิม บวกกับต้นทุนเกษตรกรต้องแบกรับ มีอะไรเป็นหลักประกันหรือไม่ 

Advertisement

วันนี้รับประกันได้เลย ไปดูได้เลย ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน สิ่งที่ผมพูดเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เป็นตัวอย่างและไม่ใช่เพียง จ.สุพรรณบุรี ตอนนี้มีอยู่ 6 จังหวัดกำลังเป็นแปลงทดลอง มีสุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ในบทบาทของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯกำลังจะขอเงินจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund) ขยายฐานการทำงานของเทคนิคนี้จาก 6 จังหวัด เพิ่มอีก 21 จังหวัด เป็น 27 จังหวัดในประเทศไทย มันเกิดขึ้นแล้ว มันเกิดขึ้นจริง ทำได้จริงๆ ไปดูได้เลยในจังหวัดที่กล่าวมา

มีตัวชี้วัดอย่างชัดเจนคือ ชาวนาได้เงินจริงๆ เกษตรกรได้เงินจริงๆ ผลผลิตเพิ่มขึ้นจริงๆ เพราะนโยบายนี้เป็นนโยบายของจริง ไม่ใช่ของเล่น

ถือเป็นการสร้างความแตกต่างระหว่างหลายพรรค มักชูเรื่องประชานิยม

เป็นข้อดีและข้อด้อยในเวลาเดียวกัน ข้อดีคือเป็นแนวทางยั่งยืน จากที่ได้พูดคุยมากับประชาชนในหลายพื้นที่ หลายคนเริ่มสงสัยว่าจะแข่งขันกันในด้านตัวเลขได้อีกเท่าไหร่ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศร่ำรวย มีฐานประชาชนผู้เสียภาษีอยู่ 30% เท่านั้นเอง ไม่ถึง 40% ยังไม่ถึงครึ่งประเทศเสียภาษี แต่ขณะเดียวกันภาษีนั้นต้องมาดูแลประชาชนทั้งประเทศ หัวใจสำคัญวันนี้ไม่ใช่ไปรีดกับคนเสียภาษีอยู่แล้ว ให้เสียมากขึ้น แต่จะทำอย่างไรให้คนที่เหลือ เช่น พี่น้องเกษตรกร มีฐานะร่ำรวยขึ้นมา มีรายได้มากขึ้น จนกระทั่งอยู่ในเกณฑ์เสียภาษีให้รัฐได้ ถ้าทำเช่นนี้ ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น นี่คือแนวทางของพรรค ชทพ.

พรรค ชทพ.ครั้งนี้ เหมือนจะต้องตรึงพื้นที่บ้านเกิด จ.สุพรรณบุรี ไว้ให้ได้ทั้งจังหวัด

เราตรึงทุกพื้นที่ไม่ใช่แค่สุพรรณ แม้วันนี้จะไม่มาก มีอยู่เพียงแค่ 50 เขต พื้นที่หวังผลอาจจะยังมีเพียงไม่กี่พื้นที่ เพราะวันนี้หัวใจสำคัญของพรรค ชทพ.คือ ทำให้โครงสร้างที่มีอยู่มีความเข้มแข็ง จ.สุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของพรรค ชทพ. เป็นเหมือนบ้านของเรา ดังนั้น เป็นเรื่องปกติเมื่อวันที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯและบิดา ไม่อยู่ ทุกพรรคการเมืองคนอื่นจะมองเห็น จ.สุพรรณบุรี เป็นเค้กก้อนโตต้องมาตักตวงให้ได้ เป็นหน้าที่ของพวกเราพรรค ชทพ.ต้องครองใจพี่น้องชาวสุพรรณเอาไว้ บนความไม่ประมาท การทำงานอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า 4 ปีที่ผ่านมานั้นพรรค ชทพ.ในทุกๆ พื้นที่ไม่ใช่เฉพาะใน จ.สุพรรณบุรี ทำงานกับประชาชนอย่างใกล้ชิดโดยตลอด จะสังเกตได้เวลา ส..ได้รับเรื่องจากประชาชนมา จะนำเรื่องมาส่งต่อให้กับผมและรัฐมนตรีของพรรค แล้วจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นกรณีๆ ไป ดังนั้นจึงทำงานใกล้ชิดมาโดยตลอด และจะขอโอกาสให้กับพวกเราได้ทำงานอีกครั้งหนึ่ง 

อย่างที่ย้ำมาตลอดว่า จ.สุพรรณบุรีนั้นประมาทไม่ได้ แม้จะเป็นเจ้าของพื้นที่ก็ตาม

ถูกต้อง ยิ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ยิ่งต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม เพราะว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อต้องไม่ประมาท เพราะว่าพ่อบรรหารสอนอยู่เสมอความประมาทคือหนทางสู่การสอบตก 

มีบางเขตใน จ.สุพรรณบุรี ที่บ้านใหญ่ต้องมาสู้กันเอง

ผมคิดว่าเหตุการณ์นี้คงเกิดขึ้นไปอีกสักพัก สมัยที่แล้วมี สมัยนี้ยังมีอยู่ คิดว่าสมัยหน้าก็อาจจะยังมีอยู่ เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้ว อย่าดีกว่า อย่ามารบกันเองดีกว่า อย่ามาเสียตังค์กันเองดีกว่า ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ พอนายบรรหาร ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของ จ.สุพรรณบุรี และพรรคไม่อยู่ จะเกิดความคิดต่างๆ ขึ้นมากมายเป็นเรื่องปกติ เป็นหน้าที่ของผู้นำรุ่นต่อๆ ไปจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายว่าจะต้องเดินหน้าไปด้วยกันโดยที่ไม่ต้องมาแบ่งกัน ไม่ต้องมาตีกันเองอีก

การเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 25 ที่นั่ง

ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย ไม่ง่าย แต่อย่างที่บอกว่า เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ถ้าจะตั้ง

เป้าหมายเพียงแค่ 10-15 ที่นั่ง ก็พูดได้ แต่เรื่องอะไร เราต้องมีความทะเยอทะยานไว้ก่อน

ตัวเลข ส.. 25 ที่นั่งมีความหมายในการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ถูกต้อง นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเราที่พลพรรค ชทพ.ทั่วประเทศได้ให้ความไว้วางใจ เสนอชื่อผมเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค

ความพร้อมการเลือกตั้งครั้งนี้ เสริมทัพผู้สมัคร ส..บัญชีรายชื่อ ดึงกูรูด้านเศรษฐกิจเข้ามามากขึ้น

วันนี้แต่ละท่านเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่พรรค ชทพ.ยังขาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายสันติ กีระนันทน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แต่ละท่านล้วนแต่มีความชำนาญในแต่ละฟิลด์ที่ต่างกัน เศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจจุลภาพ หรือแม้แต่เศรษฐกิจฐานราก ต่างๆ เหล่านี้ ทุกคนจะมาเป็นองคาพยพประกอบกันขึ้นมา ไม่ได้บอกว่าผมเก่งทุกอย่าง คนเป็นหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง วันนี้มีคนเก่ง คนเชี่ยวชาญเข้ามา เราใช้คำว่า Collective Leadership เราเป็นผู้นำในลักษณะกลุ่ม เรื่องนี้ถ้านายกนกถนัด ก็นำเรื่องนี้ ถ้าเรื่องนี้นายสันติถนัด ก็เป็นผู้นำพรรคเรื่องนี้ ถ้าเรื่องนี้ ดร.ชาติชายถนัด อยู่ธนาคารออมสินมาแก้ปัญหามามากมาย ก็เป็นผู้นำพรรคในด้านนี้ ฉะนั้นเป็นพรรคทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม เราจะมาเติมเต็มมิติต่างๆ จะตอบปัญหาสังคมไทยได้เป็นอย่างดีในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

มีการวางบุคลากรด้านต่างๆ เพื่อทำให้ภาพของพรรค ชทพ.เป็นพรรคที่เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

ใช่ครับ ไม่ใช่เพียงเฉพาะภาคใดภาคหนึ่ง แต่เราคิดว่าสามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ

ดูจากปัจจัยทางการเมืองขณะนี้ เป้าหมายที่พรรค ชทพ.ตั้งไว้ 25 ที่นั่ง ยังเหมือนเดิม

ยังยืนอยู่ที่ไม่ต่ำ 25 เสียง แล้วก็จะยืนอยู่ไปจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม เพราะหลังวันที่ 14 พฤษภาคม ไปแล้ว มาดูเอาแล้วกันว่าจะได้ตามเป้าหรือจะได้ต่ำกว่า หรือได้เกินกว่าเป้า ก็ต้องดูกันต่อไป

ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม จะเป็นตัวบอกว่าพรรค ชทพ.จะอยู่ในสมการการเมืองอย่างไร

เรามีอยู่ 2 เงื่อนไขสำคัญ เรื่องแรกเกี่ยวกับมาตรา 112 พรรค ชทพ.คิดว่าการจะทำอะไรกับมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ประชาชนมีส่วนร่วม ต้องฟังประชาชนก่อน การจะแก้ ยกเลิก ไม่ใช่หลับหูหลับตาทำ แต่ว่าต้องฟังประชาชนก่อน ต้องมาดูถึงขั้นตอนการพิจารณาของมาตรา 112 ดังนั้นนี่คือแนวทางของเรา หากจะไปเปลี่ยนหรือทำอะไรต้องคุยกันก่อน เรื่องที่สองคือการนำนโยบายของพรรค ชทพ. “Wow Thailand” เข้าไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาล ถ้า 2 เรื่องนี้คุยกันได้ ตกลงกันเห็นทางเดียวกัน เราทำงานด้วยกันได้

จำนวน ส..จะเป็นปัจจัยชี้ขาดเลยว่า พรรค ชทพ.จะอยู่ส่วนใดของสมการการเมือง

แน่นอน ถ้าเราเป็นพรรคใหญ่เราเลือกเขา ถ้าเราเป็นพรรคเล็กเขาเลือกเรา แต่รอบนี้ถ้าดูท่าทางแล้วคงจะเป็นเขาเลือกเรา มากกว่า คงต้องดูแต่ละฝ่ายว่ามีใครส่งเทียบเชิญมาหรือไม่

ที่ยืนยันมาตลอดว่าใครไม่เลือกพรรค ชทพ.เท่ากับพลาดของดีหมายความอย่างไร

มั่นใจในการทำงานของพวกเรา ผมทำงานในรัฐบาลชุดนี้มา 4 ปี เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีไม่กี่คนที่ไปรับฟังปัญหาทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด และไม่ใช่เพียง 76 ครั้ง ผมไปมาทั้งหมดเป็นหลายร้อยทริปด้วยกัน ลงไปจนถึงรายละเอียดว่าทำอย่างไร ไปตรวจราชการตั้งแต่ดอยอินทนนท์ จนไปถึง 40 เมตรใต้ทะเล เราทำงานด้วยความตั้งใจในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน จนถึงวันนี้ได้ปรับโฉมจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากคนไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ วันนี้ทุกคนจะกล่าวขานถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯกันอยู่ตลอด ที่สำคัญคือไม่เคยจะไปดราม่ากับใคร เป็น Team Player ดังนั้น ผมมั่นใจว่าการมีพรรค ชทพ.อยู่ร่วมกับรัฐบาล จะช่วยเสริมศักยภาพให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราเป็นตัวเสริม ไม่ใช่ตัวถ่วง

รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ยังยืนยันในหลักการว่าต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

ถูกต้อง เพราะว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่เหมือนกับสมัยรัฐบาล ม...คึกฤทธิ์ ปราโมช เสียงข้างน้อยในวันนี้ แค่เจอร่าง พ...งบประมาณฯ วาระแรกก็ล่มแล้ว ดังนั้น รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ได้เลย

ถึงแม้จะมี ส.. ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นตัวช่วยพิเศษของฝั่งผู้มีอำนาจเดิม

ก็เกิดขึ้นได้ แต่จะอยู่ได้ไม่กี่เดือน พอวาระหนึ่งของร่าง พ...งบประมาณฯเข้าสภา เมื่อไม่ผ่านก็จะต้องยุบสภา เพราะฝ่ายค้านจะล้มแน่นอน ส..จะมีเสียงเท่าไหร่ แต่ถึงเวลาการบริหารงานคือ 500 เสียงของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ 750 เสียง 

พรรค ชทพ.จะเลือกได้ถูกต้องในการตัดสินใจทางการเมือง

ต้องดูวันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นไปว่า ถึงเวลานั้นเราจะเจรจากันอย่างไร 

กลุ่มนิวโหวตเตอร์ หลายพรรคพยายามช่วงชิงฐานเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งนี้

พรรค ชทพ.ในนี้มีคนหลายกลุ่มเข้ามาร่วมทำงาน มีน้องๆ คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานด้วย มีทีมงาน “Thai Young พัฒนามีน้องๆ มากมาย ศักยภาพหลายหลาก ที่สำคัญพรรค ชทพ.ในวันนี้ คิดโดย Gen Z ทำโดย Gen Y ปรึกษาโดย Gen X โดยใช้ประสบการณ์ของรุ่น Baby Boomer ทำงานกันอย่างกลมกล่อม ผสมผสานกันไป พรรค ชทพ.เชื่อว่าการจะเดินหน้าประเทศไทยนั้น ไม่ใช่คนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่าอย่างเดียว การจะเดินไปข้างหน้าต้องมีทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ต้องเดินไปด้วยกัน ผมมั่นใจว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

ฝากถึงคนรุ่นใหม่จะเข้ามาสัมผัสกับพรรค ชทพ.ในการเลือกตั้งครั้งนี้

วันนี้อาจจะยังไม่มั่นใจ วันนี้เราพึ่งเริ่ม เขาบอกเมื่อคุณพูด เราจะฟัง เมื่อคุณทำ เราจะเชื่อวันนี้เราพูดแล้ว ดูว่าพรรค ชทพ.ต่อจากนี้เป็นอย่างไร รับประกันได้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง แต่วันนี้จะแตกแขนงออกมาเป็นกิ่งก้านสาขาอีกอันหนึ่ง เพราะต้นไม้แกนหลักนั้นมีความแข็งแรงอยู่ระดับหนึ่งแล้ว วันนี้ต้องการแผ่กิ่งก้านสาขาออกมา มี Thai Young พัฒนา มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน แล้ววันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสื่อการกับพี่น้องประชาชนครบได้ทุกเจเนอเรชั่น

มีการพูดกันว่าก่อนการเลือกตั้งต้องแสดงจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจน

ผมคิดว่าทุกครั้งก็จะมีการถามแบบนี้ และทุกครั้งหลายคนพูดไป แล้วพอเลือกตั้งเสร็จแล้วจุดยืนก็คือจุดนั่ง ก็เปลี่ยนกันไป ดังนั้น พรรค ชทพ.ถึงได้พูดอยู่เสมอว่าสมการทางการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้ตัวเลขแล้ว จับมือกันอย่างนั้นจับมือกันอย่างนี้ เห็นมาหลายครั้งแล้ว เลือกตั้งเสร็จแล้วก็ว่ากันใหม่ ดังนั้น สมการการเมืองจะเกิดขึ้นจริงคือวันที่ 15 พฤษภาคม

ณัฐวรรณ ทองพันภิญโญ

ธนากร อรุณวัฒนเดช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image