“วิษณุ”อยากให้”พระธัมมชโย”มอบตัวทุกอย่างจะได้ง่ายสงบ ชี้ ไม่มีใครรังแกศาสนา

“วิษณุ”อยากให้”พระธัมชโย”มอบตัวทุกอย่างจะได้สงบ ชี้”นายกฯ-รัฐมนตรี” เป็นชาวพุทธ ไม่มีใครรังแกศาสนา เผยไม่กล้าถาม”อธิบดีดีเอสไอ”ว่า”ธัมมชโย”ยังอยู่วัดหรือไม่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.)นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว นายวิษณุเดินทางมาร่วมประชุมเป็นครั้งแรก โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมดังกล่าว ต่อข้อสักถามกรณีการดำเนินการกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ว่าในวันนี้ตนพูดในฐานะรมว.ยุติธรรม โดยที่ประชุมไม่มีการพูดคุยถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เรียนอธิบดีดีเอสไอไปแล้วว่า งานใดที่มีการมอบหมายมาก่อนหน้านี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ให้ดำเนินการไปตามปกติ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้รายงานมา รวมถึงการดำเนินการกับวัดพระธรรมกายด้วย แต่ว่ารมว.ยุติธรรมคนเก่าก็ไม่ได้สั่งการอะไร เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ไปกระทบมวลชนจำนวนมากเท่านั้น

01

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า อธิบดีดีเอสไอได้รายงานปัญหาอะไรให้ทราบหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้รายงาน แต่ตนได้สอบถามอธิบดีดีเอสไอเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเองว่า ตกลงมันมีกี่คดีกี่ข้อหา ซึ่งอธิบดีดีเอสไอก็ได้เล่าให้ตนฟัง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่บอกว่าถ้ามีอุปสรรคอะไรก็ให้แจ้งมาให้ตนทราบ ทั้งนี้ ตนไม่ได้สั่งอะไร เพราะว่าไปสั่งไม่ได้ อีกทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ ก็ไม่ได้สั่งอะไรด้วย เพียงแต่ถ้ามีอะไรก็ให้รายงานมาให้ทราบ เพราะต้องนำไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ รวมถึงต้องตอบคำถามต่อสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รายงานเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ตนทราบแล้ว

เมื่อถามต่อว่ามีความกังวลหรือห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ของวัดพระธรรมกายหรือไม่ เนื่องจากมีมวลชนเดินทางเข้าไปเป็นจำนวนมาก รรท.รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า มีความกังวลในแง่ที่ว่า เราอยากจะเห็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และเรื่องนี้ก็ต้องทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของการรังแกศาสนา ท่านนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนก็เป็นชาวพุทธ มีความศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ไม่มีใครไปรังแกเบียดเบียนพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากเรื่องนี้เมื่อมีการตั้งข้อหาเป็นคดีอาญาหลายข้อหาแก่บุคคลต่างๆกันที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ก็จำเป็นต้องดำเนินคดี ส่วนที่จะถูกหรือผิดก็ต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม บางทีก็พิสูจน์กันในชั้นอัยการก็อาจจะพอ เพราะอัยการอาจจะสั่งไม่ฟ้อง บางทีอาจจะต้องพิสูจน์กันในชั้นศาลก็คงทำได้แค่นั้น

เมื่อถามอีกว่าอยากให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัวหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าถามว่าอยากหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าอยาก เพราะมันจะทำให้เรื่องง่ายลง สงบลง ส่วนที่ว่าดำเนินการอย่างไรให้ได้มาตามที่คิดก็ยังคิดไม่เอก

Advertisement

ผูัสื่อข่าวถามออีกว่าได้สอบถามข้อมูลกับดีเอสไอหรือไม่ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่กล้าที่จะถามเขาเรื่องนี้

15391133_10210671515119714_680532404682399168_n

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงศิษยานุศิษย์ที่เข้าไปสวดมนต์หรือขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในวัดหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอฝากเฉพาะเจาะจงอะไร เป็นการตั้งข้อหาดำเนินคดีอาญา ซึ่งก็มีการดำเนินคดีกับบุคคลฝ่ายหนึ่งไปแล้ว รับของโจร หรือว่ายักยอกทรัพย์ เมื่อยักยอกทรัพย์ไปแล้วไม่อยู่ที่นี่ไปอยู่ที่นู่น ซึ่งคนที่รับทรัพย์ไปมันก็ต้องโดนข้อหาด้วย จะต้องข้อหานี้กับบางคนและไม่ตั้งข้อหานี้กับบางคนมันทำไม่ได้ ในที่สุดความเป็นจริงมันก็ต้องแสดงออกมาว่าใครผิดหรือไม่ผิดอย่างไร ก็พูดได้กลางๆกว้างๆอย่างนี้ จึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่เขาต้องดำเนินการ

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ต้องเข้าใจว่าการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น มันจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนระยะเวลา หลายอย่างต้องอาศัยหมายของศาล หลายอย่างเจ้าหน้าที่เขาทำเองไม่ได้ ก็ยังจะมีปัญหาในเรื่องของมวลชนอีก จึงต้องระมัดระวังด้วยความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ ขอให้ประชาชนเข้าใจในส่วนนี้ เพราะฝ่ายที่ต้องการให้เร่งรัดดำเนินการก็มี ฝ่ายที่ต้องการให้ชะลอก็มี เราไม่สามารถที่จะเลือกทำตามฝ่ายไหนได้ เพราะในที่สุดกฎหมายมันมีขั้นตอน มันมีเรื่องที่จะต้องไปสู่อัยการ มีเรื่องที่ต้องไปสู่ศาล จึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนจึงจะปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ ตนไม่มีอำนาจในการกำหนดกรอบเวลาในส่วนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image