‘สุชาติ’ นำทัพ ปราศรัยแหลมฉบัง โวย เงินดิจิทัล 1 หมื่น ปั่น จีดีพีเทียม ประเทศเสียหาย

‘สุชาติ’ นำทัพ ปราศรัยแหลมฉบัง โวย เงินดิจิทัล 1 หมื่น ปั่น จีดีพีเทียม ประเทศเสียหาย

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23 เมษายน ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรค รทสช.ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายสมเจตน์ เกตุวัตถา หรือ นายกเจตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีเขต 6 เบอร์ 9 ชูผลงานและนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของ สุชาติ ชมกลิ่น ด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนคลับของนายสุชาติและพรรค รทสช.ชาวนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังต่างพร้อมใจกันเดินทางมารับฟังการปราศรัยอุ่นหนาฝาคั่งหลายพันคนเต็มพื้นที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

โดยช่วงแรก นายสุชาติได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวทักทายกับพี่น้องชาวนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
และได้แนะนำตัวนายมานิตย์ พรหมการีย์กุล ประธานสภาองค์การลูกจ้างยานยนต์แห่งประเทศไทย ที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมยานยนต์และคลุกคลีกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานมากว่า 40 ปี เป็นที่รู้จักมักคุ้นของสหภาพแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างดี นายสุชาติยังได้กล่าวถึงเหตุผลที่ตนตัดสินใจมาอยู่พรรค รทสช.

Advertisement

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งตนเป็นรัฐมนตรีแรงงาน ไว้วางใจให้โอกาสเข้ามาดูแลช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดูแลพี่น้องชาวชลบุรี ตนเป็นคนชลบุรีอยู่แล้ว ช่วงที่โควิดระบาดเป็นวิกฤตของประเทศ วิกฤตของครอบครัว ไม่รู้ว่า ส.ส.คนอื่นหายไปไหน มีเพียงตนและทีมเฮ้งพึ่งได้ที่ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ชลบุรี เขต 1 ลงพื้นที่ไปพบแม่ค้า ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิดและมอบข้าวสาร ไข่ไก่ เครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนชาวชลบุรี รู้ว่าเสี่ยงแต่ไม่กลัวว่าตัวเองจะติดเชื้อ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตนและทีมงานไม่กลัว คือ พี่น้องประชาชนที่เลือกตนเข้ามา คิดเพียงอย่างเดียวว่าถ้าไม่ลงไปช่วยพี่น้องประชาชนแล้วพี่น้องประชาชนจะพึ่งใคร จึงตัดสินใจตั้งทีมงานขึ้นมาหลายชุด คอยรับโทรศัพท์และไปพ่นยาฆ่าเชื้อโควิดให้ทุกบ้าน

นายสุชาติได้กล่าวถึงผลงานการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จากนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าในช่วงที่เกิดโควิดตนไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งพี่น้องประชาชน เพราะพี่น้องประชาชนเลือกตนเข้ามาเป็นผู้รับใช้ประชาชน ไม่ใช่เลือกเข้ามาเป็นเจ้านายประชาชน เป็นสิ่งที่สำนึกตลอดเวลา หลังจากได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีแรงงานในขณะนั้น

ปัญหาแรกที่เจอคือการระบาดของโควิดระลอกสองในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร เมื่อปลายปี 2563 ตนคิดแก้ปัญหานำแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายนำมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ตรวจคัดกรองเจอเชื้อนำไปรักษาภายใน 2 เดือนสามารถเปิดจังหวัดสมุทรสาครได้ปกติ ตนยังคิดนอกกรอบทำโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ๊อกซ์ ภายใต้หลักเศรษฐศาสตร์ควบคู่สาธารณสุข ที่โรงงานมิตซูบิชินิคมในอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ตรวจคัดกรองโควิดแบบ RT-PCR 100 เปอร์เซ็นต์ให้พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ถ้าตรวจพบเชื้อนำตัวไปรักษาที่ Hospitel สำนักงานประกันสังคมเช่าโรงแรมกว่า 50,000 ห้องรักษาผู้ประกันตน ที่เหลือขอวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข

Advertisement

ซึ่งนายกลุงตู่ได้อนุมัติวัคซีนนำไปฉีดให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานในโรงงาน โดยไม่ต้องปิดโรงงาน พี่น้องผู้ใช้แรงงานจะได้ออกไปทำงานได้โดยไม่นำเชื้อโควิดมาติดคนที่บ้าน มีรายได้ จึงเกิดวัคซีนมาตรา 33 ขึ้นมา ทั่วโลกไม่มีกระทรวงแรงงานใดนำวัคซีนมาฉีดในโรงงานมีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวถ้าไม่มีนายกที่ชื่อลุงตู่ ประเทศไทยไม่มีวันนี้ ทั่วโลกต่างยอมรับในการแก้ปัญหาโควิดของไทย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ที่ได้ทำให้ธุรกิจส่งออกสินค้าได้เหมือนเดิม สามารถรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้ จนประเทศไทยชิงส่วนแบ่งการตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ซัพพลายเชนปิดได้ โดยบริษัทยานยนต์หลายแห่งได้จ่ายโบนัสให้พนักงานสูงสุดถึง 8.5 เท่า เศรษฐกิจส่งออกเติบโตสูงสุดในรอบ 30 ปี สวนทางกับเศรษฐกิจโลก เป็นผลพวงจากโครงการแฟคทอรี่แซนบ็อก

นอกจากนี้ ยังได้เยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เนื่องจากสถานประกอบกิจการปิดชั่วคราว เช่น ห้างสรรพสินค้า แคมป์คนงาน แต่ไม่ปิดโรงงานทำให้ภาคธุรกิจส่งออกสามารถรักษาการจ้างงานต่อไปได้ ลดเงินสมทบให้แก่ผู้ประกันตนเพื่อรักษาการจ้างงาน 12 ล้านคน รักษาธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 เฉพาะที่จังหวัดชลบุรี กว่า 7 แสนคน คนละ 10,000 บาท คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 7,000 ล้านบาท รัฐบาลให้เงิน SME หัวละ 3,000 บาท สามารถรักษาการจ้างงานไว้ 5.5 ล้านคน การเปิดประเทศฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในรอบ 32 ปี ซึ่งไม่มีรัฐบาลใดทำสำเร็จมีเพียงในยุครัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งได้ไปเปิดประเทศเพื่อส่งออกแรงงานฝีมือไปทำงานในซาอุดีอาระเบีย

นายสุชาติยังกล่าวถึง นโยบายการให้เงินดิจิทัลผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปหัวละ 10,000 บาท ของพรรคการเมืองหนึ่ง การให้เงินหมุนเวียนเพียง 6 เดือน เป็นการปั่นจีดีพีเทียม ทำให้ประเทศเสียหายเป็นหนี้ในอนาคต รวมทั้งนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เป็นนโยบายที่น่ากลัวอันตรายที่สุด ทำให้สถานประกอบการลดจำนวนพนักงานลง ย้ายฐานการผลิต ปิดกิจการ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ช่วงที่คิดค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศมาแล้ว ปัจจุบันมีพี่น้องผู้ใช้แรงงานมาตรา 33 อยู่ในระบบประกันสังคมประมาณ 12 ล้านคน

ในจำนวนนี้เป็นแรงงานที่มีรายได้ขั้นต่ำอยู่ประมาณ 2 ล้านคนเศษ และเป็นแรงงานต่างด้าวประมาณ 1 ล้านคน และแรงงานไทยประมาณ 1 ล้านคน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต้องยึดมั่นในระบบไตรภาคี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของเศรษฐกิจภูมิภาค จีดีพีรายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัดด้วย ไม่ใช่นโยบายค่าแรงที่มาจากนักการเมือง วิธีแก้ปัญหาต้องนำแรงงานมาฝึกทักษะ ฝึกอาชีพ เพื่อให้ได้ค่าแรงตามมาตรฐานฝีมือที่ได้ประกาศไปแล้วใน ครม.ไปแล้ว 129 สาขาอาชีพ พี่น้องผู้ใช้แรงงานจะได้พ้นกับดักค่าแรงขั้นต่ำ มีความมั่นในชีวิต มีรายได้ที่สูง

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงสิ่งที่พรรค รทสช.จะทำเพื่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานและพี่น้องประชาชนเมื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง อาทิเช่น บัตรสวัสดิการพลัส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า บัตรลุงตู่ จากเดิมที่เคยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 300-400 บาท จะเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน การผลักดัน พ.ร.บ.ประกันสังคม 3 ขอ ขอเลือก ขอคืน ขอกู้ ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถคืนเงินชราภาพผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนได้นำไปใช้ก่อนได้

เพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55 ปี เป็น 10,000 บาท รวมทั้งปรับเพิ่มเงินเลี้ยงดูแลบุตร จากเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ จากเดิม 800 ปรับเป็น 1,000 บาท ผู้ประกันตนมีประมาณ 12 ล้านคน ตนจะเสนอให้มีโรงพยาบาลประกันสังคมเป็นสถาบันการแพทย์มอบทุนแพทย์ พยาบาลให้ลูกหลานผู้ใช้แรงงานเพื่อรักษาดูแลผู้ประกันตนยามเจ็บป่วย เป็นความภาคภูมิใจของผู้ใช้แรงงาน โครงการรีไฟแนนซ์บ้านผู้ประกันตน ดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ลดทันที 6,000 บาทต่อเดือน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายที่คิดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน

ในช่วงท้าย นายสุชาติยังกล่าวถึงเหตุผลที่ตนและทีมเฮ้งพึ่งได้มาอยู่พรรค รทสช. เพราะพรรคนี้เป็นพรรคที่ทำงาน ออกนโยบายต่างๆ ภายใต้วินัยการเงินการคลังที่ดี ไม่เอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่ให้ประชาชนต้องเป็นหนี้ ตนเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนยืนยันว่าการจะเลือกใครไม่มีใครว่า นโยบายใครดีก็ขอให้นำเสนอประชาสัมพันธ์กันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดขอให้เลือกพรรคที่ใช่ คนที่ชอบมาใช้งาน เราต้องเชิดชูคนดี ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ตนลงพื้นที่มาหลายแห่งต้องการเห็นชลบุรีเป็นการเมืองของภาคประชาชน
ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเลือกทีมที่พึ่งได้ ผู้ที่เสียสละรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image