เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดราม่าไลน์กลุ่มผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข จะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานหรือไม่ ว่า ไม่กระทบ เพราะผู้บริหารกระทรวงฯ ต่างเติบโตมาด้วยวุฒิภาวะ สิ่งสำคัญที่สุดคืองานที่จะผลิตออกไปจากคนๆ นั้น ตราบใดที่ยังให้บริการประชาชนได้ ถือว่าภารกิจบรรลุเป้าหมาย เราบังคับคนทุกคนให้รักกันไม่ได้ ขนาดพี่น้องท้องเดียวกันยังทะเลาะกันเยอะแยะ อย่างไรก็ตาม ตนได้ไม่คิดโกรธเคือง ตามสุภาษิตจีนที่พ่อของตนได้สอน “โกรธร้อยครั้งไม่เท่าให้อภัยครั้งเดียว”
ถามว่าต้องเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวเป็นทำนองเพลง “ที่แล้วก็แล้วไป” ของ เต๋อ เรวัต ว่า ตนก็ได้ส่งข้อความกลับเข้าไปในกลุ่มไลน์ดังกล่าวว่า ที่แล้วก็แล้วไป ไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงยังไงก็จริงใจรักเธอ
เมื่อถามว่าสมัยหน้าจะกลับมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมีความสุขที่ได้ทำงานในกระทรวงฯ นี้ 4 ปี ได้เป็นรัฐมนตรี 3 ปลัด ที่ผ่านมามีความสุขที่สุด ได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดี แต่จะได้กลับมาหรือไม่นั้น ถ้าได้กลับมาก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้กลับมาก็ถือว่าที่ผ่านมาได้อยู่ในที่ที่มีความสุข
“เวลาเราทำงานกับคนเก่ง มีความสามารถ เราก็ซึมซับไปด้วย ทุกวันนี้กลับบ้านก็รู้เรื่องสาธารณสุขมากขึ้น ฉะนั้น เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ต้องดูว่าภาพรวมกระทรวงฯ เสียหรือไม่ มีการกลั่นแกล้ง ใช้อำนาจทำให้คนไม่เจริญก้าวหน้าหรือไม่ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ ตามความสามารถของแต่ละคน ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ชมรมแพทย์ชนบทเดินหน้าโจมตีนโยบายกัญชาต่อเนื่อง นายอนุทิน กล่าวว่า ล่าสุด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้ให้คณะรัฐมนตรีทำการศึกษานโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ผลการศึกษาชัดเจนว่านโยบายกัญชา เป็นไปตามกรอบและแผนนโยบายทุกอย่าง ว่าเพื่อการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ รวมถึงมีการทำความเข้าใจกับประชาชน มีการควบคุมการใช้ที่ชัดเจน และมีมติว่าเป็นนโยบายที่เกิดประโยชน์กับประชาชน และมีกฎระเบียบป้องกันการใช้ในทางที่ผิด
“คนที่มุ่งหวังทำลายความน่าเชื่อถือ เขาจำเพาะเจาะจงที่พรรคการเมือง ที่ตัวนักการเมือง เพราะกลัวว่าจะได้รับคะแนนนิยม โดยมีการสำรวจคนที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาเสริมสร้างรายได้มีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจ” นายอนุทิน กล่าว
