‘ครูกศน.’ รับเจอสั่งจริง ลงชุมชนทำโพลลับ อึดอัดหวั่นผลลัพธ์ ทำชาวบ้านถูกข่มขู่
จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการ กศน. ว่า ถูกสั่งให้ผู้บริหารระดับสูงทำโพลในชุมชน โดยมิใช่ภารกิจหลักของหน่วยงานในสำนักงาน กศน. และผลโพลมิได้เปิดเผยต่อสาธารณชนทำให้ข้าราชการตั้งข้อสังเกตว่า อาจทำเพื่อเอื้อกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด (29 เม.ย.) ครูกศน.รายหนึ่งในจังหวัดปริมณฑล ให้ข้อมูล “มติชนออนไลน์” ว่า เรื่องนี้ไม่มีการสั่งการเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการมาถึงครู กศน. แต่ผ่านมาทางผู้บริหาร และสั่งการผ่านไลน์กลุ่ม ครูกศน. ร่วมกับ ศส.ปชต. ของ กกต. เกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนและการบันทึกผลการสำรวจความคิดเห็น 4 ครั้ง ครั้งละ 10-25 คน ตามที่มีการร้องเรียนไปยังพรรคก้าวไกลจริง ซึ่งสร้างภาระงานให้กับครู กศน. เป็นอย่างมาก เนื่องจากบางรายต้องดูแลมากกว่า 20 หมู่บ้าน การสำรวจความเห็นต้องมากถึง 500 คน ในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ (รอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 28 เมษายน-3 พฤษภาคม 2566)
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงกลายเป็นที่ถกเถียงในหมู่ครู กศน. ถึงความเหมาะสมต่อการใช้กลไกรัฐในช่วงการเลือกตั้ง เพราะโดยปกติบทบาทครู กศน. ร่วมกับ ศส.ปชต. ของกกต. จะมุ่งเน้นเรื่องการรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจกลไกของระบอบประชาธิปไตย แต่การสำรวจความนิยมดังกล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งอาจให้ผลในทางตรงกันข้าม เพราะหากผลสำรวจถูกนำไปใช้ หรือส่งต่อให้หัวคะแนนบางพรรคที่ได้เสียงไม่เข้าเป้า ก็จะก่อให้เกิดการซื้อเสียงหรือการใช้อิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่ประชาชนในการไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนได้ หรืออาจทำให้เกิดการสวมสิทธิลงคะแนน เพราะมีการถามถึงแนวโน้มการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับหัวข้อในการกรอกข้อมูลของ ศส.ปชต. ประกอบด้วย 9 หัวข้อ ได้แก่ 1) รอบที่ 2) ตำบล 3) หมู่บ้าน 4) เขตเลือกตั้ง 5) การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ 6) ชอบผู้สมัครพรรคใด 7) ชอบผู้สมัครรายไหน 8) ชอบนโยบายพรรคการเมืองใด และ 9) จะออกไปใช้สิทธิหรือไม่ ทั้งนี้ จะพบได้ว่า มีลักษณะมุ่งเน้นสำรวจข้อมูลความนิยมในการเลือกตั้งส่วนบุคคล มากกว่ารณรงค์ส่งเสริมให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
