ยื่น 3 แสนรายชื่อ เสนอ สนช.คว่ำ พ.ร.บ.คอมพ์ ชี้เนื้อหากระทบเสรีภาพ ปชช.

“เครือข่ายพลเมืองเน็ต” ยื่น 3 แสนชื่อเสนอ สนช. คว่ำ กม.คอมพิวเตอร์ ชี้เนื้อหากระทบสิทธิเสรีภาพ ปชช.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม ที่รัฐสภา เครือข่ายพลเมืองเน็ตร่วมกับแอมเนสตี้ นำโดย น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารเครือข่ายพลเมืองเน็ต เข้ายื่นหนังสือพร้อมรายชื่อประชาชนกว่า 3 แสนรายชื่อต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอสมาชิก สนช.ที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่) พ.ศ…ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม สนช.วาระ 2 และ 3 ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ผ่านนางวรารัตน์ อติแพทย์ เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.

น.ส.สฤณีกล่าวว่า ต้องการให้ สนช.ไม่รับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากทางเครือข่ายต้องการให้ชะลอการออกกฎหมายออกไป เพราะเนื้อหาในร่างยังไม่มีความชัดเจน ควรดำเนินการทบทวนและแก้ไขในมาตราที่จะกระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเห็นสมควรให้พิจารณาแก้ไขร่างมาตรา 14 ให้มีความรัดกุมชัดเจน รวมทั้งแก้ไขร่างมาตรา 15, 18 ประกอบ 19, 20, และ 26 ที่ต้องคำนึงถึงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวและสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน และให้การออกมาตรการเพิ่มเติมใดๆ ที่จะกระทบสิทธิเสรีภาพโดยทั่วไปของประชาชนจะต้องผ่านกระบวนการการพิจารณาของรัฐสภาเท่านั้น และพิจารณาตัดมาตรา 16/2 และ 20/1 ออกจากร่าง พ.ร.บ.โดยเฉพาะการออกมาตราใหม่ในการตั้งศูนย์บล็อกเว็บไซต์ เป็นการให้อำนาจรัฐโดยตรง ทำให้มีลักษณะปิดกั้นประชาชน โดยเฉพาะข้อบัญญัติที่ระบุว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ จะสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี แม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม

น.ส.สฤณีกล่าวต่อว่า เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หากการแก้ไขจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของไทยที่ได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านการพิจารณาผ่านออกมาเป็นกฎหมาย อาจเปิดช่องให้เกิดการตีความ และสามารถถูกนำไปบังคับใช้ในทางละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้ อาทิ ความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ควรถูกบรรจุในมาตรา 14 ความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟ้องหมิ่นประมาท ส่วนมาตรา 14 (1) จะพบว่าต้นแบบของมาตรานี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการหมิ่นประมาทที่เกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด แต่เจตนารมณ์ของมาตรานี้คือมุ่งที่จะเอาผิดเรื่องการทำเว็บไซต์หรือข้อมูลปลอมตัวตนทางออนไลน์ เพื่อนำไปหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคลจากเหยื่อ

Advertisement

“แม้กรรมาธิการฯจะแก้ไขแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน บางถ้อยคำยังมีปัญหาในการตีความ ซึ่งอาจเกิดปัญหาภายหลัง จนทำให้ถูกตีความให้เกิดการกลั่นแกล้ง และคุกคามสิทธิส่วนบุคคลได้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการปิดเว็บไซต์ที่ภาครัฐสามารถเข้ากระทำได้เลย ซึ่งไม่ต้องรอคำสั่งของศาล ดังนั้น จึงอยากให้ สนช.ทบทวนเนื้อหา ด้วยการฟังเสียงประชาชน แต่หาก สนช.ยืนยันผ่านร่างกฎหมายนี้ ก็จะติดตามต่อไป และขอให้รัฐบาลถัดไปแก้ไขเนื้อหาให้เหมาะสม ขณะเดียวกันทางกลุ่มจะติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่กำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาของกฤษฎีกา หากมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ก็จะคัดค้านอีก” นางสฤณีกล่าว

7

9

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image