ชาวบ้านโกรกมะเขือ ร้องทุกข์พรรคอธิปไตยฯ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดิน ฆ่าตัวตายไปแล้ว 5 ราย

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ดร.ณพลเดช มณีลังกา โฆษกพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ได้แถลงว่า นายสงบ เบียดขุนทด ชาวบ้านโกรกมะเขือ ได้ยื่นหนังสือรัองเรียนถึง นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ขอให้ช่วยเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในที่ดินหมู่บ้านโกรกมะเขือ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและซับซ้อนซ่อนเงื่อน ชาวบ้านถูกไล่ออกจากที่ดินของตนเองต้องต่อสู้ดิ้นรนโดยไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ปัจจุบันไฟฟ้าเข้าไม่ถึง น้ำประปาไม่มีใช้ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อยากต่อการสัญจร โดยเบื้องต้น นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ ให้จัดตั้ง “ศูนย์ร้องทุกข์ปัญหาที่ดิน และฐานทรัพยากรธรรมชาติ/สิ่งแวดล้อม” โดยมี ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ รองเลขาธิการพรรคฯ กำกับดูแล โดยจะประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา รวมทั้งวางกรอบแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

นายสงบ ชี้แจงว่า ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ.2451 รวมระยะเวลากว่า 100 ปี ก็มิได้มีปัญหาอันใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านเป็นลำดับ จนเป็นเอกสารสิทธิ์ นส.3 (พ.ศ. 2520), ส.ค 1 (พ.ศ. 2498) ,ใบประสงค์สิทธิครอบครองมาตรา 27 ตรี (พ.ศ.2519) ซึ่งภายหลังมีการตรวจสอบว่า พื้นที่บริเวณหมู่บ้านโกรกมะเขือ มีแร่โปแตสเซียมคลอไรด์คุณภาพสูง สามารถนำไปทำปุ๋ย แบตเตอรี่ เกลือ ฯลฯ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากและลึกลงไปกว่า 50 เมตร จากการสำรวจ มีแร่ชนิดนี้ที่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่า แร่โปแตส กว่า 1,000 ล้านตัน ซึ่งราคาขายจะอยู่ที่ตันละ 350 USD หรือ ประมาณตันละ 12,250 บาท ซึ่งพื้นที่นี้ ถ้าตีเป็นเงินแล้วจะมีมูลค่าสูงถึง 12 ล้านล้านบาท หากนำเงินนี้แบ่งให้พี่น้องคนไทย 70 ล้านคน จะได้ คนละ 175,000 บาทเลยทีเดียว

จากเม็ดเงินจำนวนดังกล่าว ทำให้บริษัท เอกชนตาลุกวาว และมีผลให้รัฐบาลออกเอกสารทับซ้อนเป็น นสล. เอกสารพลเมืองใช้สอยร่วมกัน (18 มี.ค. 2528) ปรับเปลี่ยนที่ดินดังกล่าวให้เป็นที่หลวง และให้มีแผนเอกชนทำสัมปทานต่อไป ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด หลังจากออกเอกสาร นสล. แล้ว ชาวบ้านมีการต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาดินแดนสมัยปู่ย่าตายาย ของตน แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้กับอำนาจรัฐได้ หลายคนต้องฆ่าตัวตาย คือ นายทิ้ง นายขีด นายเล นางบุญไหล นางขำ และหลายคนป่วยตาย คนที่เหลือก็อยู่กันอย่างขัดสน หวาดระแวง ชาวบ้านบอกว่า ต้องเลี้ยงสุนัขเอาไว้ บ้านจะต้องเจาะหน้าต่างหลายๆ บาน พอตกค่ำ ต้องรีบดับเทียนเข้านอน หากมีหมาเห่า ต้องรีบกระโจนตัวเองออกทางหน้าต่าง แล้วหลบไปยังพุ่มไม้ที่ปลอดภัย เพื่อรักษาชีวิตไว้ ชาวบ้านยังกล่าวอีกว่าจะยอมตายในพื้นที่และจะไม่ยอมออกไป การต่อสู้หลายๆ ครั้ง ถูกข่มเหงด้วยผู้นำท้องถิ่น

นายสงบ กล่าวว่า ตัวเองเข้าคุกมาแล้ว 22 ครั้ง ทุกครั้งจะต้องถูกล่ามตรวนเยี่ยงเชลยศึก นายสงบได้ให้ดูบาดแผลเก่าที่ถูกล่ามตรวนในคุก ปัจจุบันนี้ ก็ยังต้องต่อสู้กัน ซึ่งชาวบ้านบอกจะไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ทำนามา 5 ปีแล้ว เคยออกไปทำนาในที่นาตัวเอง ก็มีคนเอากล้องมาแอบถ่ายภาพ แล้วไปแจ้งทางการว่าบุกรุก แล้วจะต้องไปเข้าคุกเนื่องจากรุกล้ำที่ดินของตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่ายังมีเรื่องแบบนี้ในประเทศไทย ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล ยังไม่ได้รับความเท่าเทียม ทั้งนี้ นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ ได้ขอให้ ม.ล.วัลย์วิภา ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนฆ่าตัวตายไปแล้วหลายราย

Advertisement

ทั้งนี้ประชาชนสามารถส่งเรื่องร้องทุกข์ตลอดเวลา 24 ชม. มาได้ที่ “ศูนย์ร้องทุกข์ปัญหาที่ดิน และฐานทรัพยากรธรรมชาติ/สิ่งแวดล้อม” โดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์
E-mail : [email protected]
Line ID : @chc4551p (ใส่ @ ด้วย)

พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image