“ธนาธร” ประกาศหลังเลือกตั้งลุยนิรโทษกรรมคดีการเมือง-พร้อมทลายนายทุนผูกขาดแก้ไฟแพง

“ธนาธร” ย้ำคนเห็นต่างไม่ควรติดคุก ใช้กลไกสภาสร้างหาทางออกอย่างสันติ หลังลต.ก้าวไกลลุยนิรโทษกรรมคดีการเมือง ยันตัวเองไม่ขอรับสิทธิ์นิรโทษฯ แก้ปัญหาค่าไฟแพงต้องทลายทุนผูกขาด ส่วนปราบยาบ้าต้องปฏิรูปตำรวจ อวยยศตามผลงาน เชื่อ 2-3 ฤดูกาลสร้างวัฒนธรรมใหม่

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

สำหรับรอบ 2 เวที “ขุนศึก ประจัญบาน”

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวดีเบตในประเด็นเห็นด้วยหรือไม่กับข้อเรียกร้องร้องและแนวทางการเคลื่อนไหวของนักเคลื่อนไหวเช่น กรณีของแบมและตะวัน และพรรคจะแนวทางอย่างไรกับกรณีในลักษณะนี้ ว่า สิ่งที่คนหนุ่มสาวกำลังพูดอยู่ในวันนี้คือความจริงที่น่ากระอักกระอ่วน ขอย้ำว่าสิทธิเสรีภาพเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาธิปไตยไม่มีเรื่องใดในสังคมนี้ที่เราจะเห็นด้วยกันทุกเรื่องทั้ง 66 ล้านคน ดังนั้นเราต้องประกันสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน ว่าคนคิดต่าง พูดต่าง แสดงความเห็นต่าง ไม่มีใครสมควรติดคุกในประเทศนี้ ดังคำพูดของปรัชญาเมธี “ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่ผมจะขอปกป้องสิทธิ์ในการพูดของท่านด้วยชีวิตของผม” นี่คือหลักประกันพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีสันติภาพ

Advertisement

นายธนาธร กล่าวว่า เราต้องเข้าใจว่าการที่คนรุ่นใหม่มาแสดงความคิดเห็นเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งไม่สามารถชนะจิตชนะใจประชาชนด้วยกระบวนการประชาธิปไตยได้จึงมีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเพิ่มคะแนนนิยมให้ตัวเอง จำได้หรือไม่ คำกล่าวที่บอกว่าเราจะสู้เพื่อในหลวงเราจะทำรัฐประหารเพื่อปกป้องสถาบันฯ เราเข้าใจดีว่ามีคนรักสถาบันฯ อยู่แต่ถ้าดีของคนหนุ่มสาวอาจจะทำให้หลายคนขัดใจดูแรงไปบ้าง แต่ลองฟังแล้วให้โอกาสเขาดู มันเป็นความจริงที่กระอักกระอ่วน แต่หากเราไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา หากซุกเอาไว้ใต้พรม คนรุ่นต่อไปต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหานี้ ดังนั้นมาเผชิญหน้ากับปัญหานี้ในรุ่นเราอย่างมีวุฒิภาวะอย่างมีเหตุผลอย่างสันติผ่านกลไกสภา

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ตนจำเป็นจะต้องดำเนินคดีฟ้องกับบุคคลต่างๆ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าตนไม่เห็นด้วยกับสิทธิแสดงความคิดเห็นแต่เป็นเพราะบุคคลเหล่านี้ ใช้ข้อมูลใช้ข่าวที่ไม่เป็นความจริงมาทำลายกันทางการเมือง ถ้าก้าวไกลมีนโยบายหลังการเลือกตั้ง หากเรามีเสียงมากพอเราจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งรวมถึงคดี 112 ให้กับเยาวชนคนหนุ่มสาวเขาไม่ใช่อาชญากรไม่ใช่คนที่ทำร้ายประเทศแต่เป็นคนที่หวังดีอยากเห็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าในแบบฉบับของเขาเอง จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ 1 ชุดพิจารณาคนที่ได้รับสิทธิ์ และหากตนได้รับสิทธิ์นั้นด้วยตนก็จะขอสละสิทธิ์เพื่อเผชิญหน้าในคดีการเมืองนี้

เมื่อถามถึงค่าไฟแพงเป็นความผิดของนายกคนไหนหรือไม่แล้วท่านจะมีการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสลงไปพบปะประชาชนหลายพื้นที่ เจอคนหลายคนที่ไม่กังวลเรื่องค่าไฟแล้ว เพราะหม้อถูกยกออกไปแล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรามีการสร้างกำลังการผลิตมากเกินความจำเป็น จากนโยบายที่เอื้อกลุ่มทุนพลังงาน ทำให้เกิดกำลังการผลิตที่เกินจำความจำเป็นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ นำมาซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นของค่าไฟ เพราะต้องมีค่าพร้อมจ่าย ให้กับบริษัทเอกชนเหล่านี้ คือค่าเสื่อมเครื่องจักร ค่าบำรุงรักษา ค่าดอกเบี้ย ที่แม้แต่โรงไฟฟ้าที่ไม่ต้องเดินเครื่องแม้แต่วันเดียว รัฐก็ต้องจ่ายค่าพร้อมจ่ายนี้ จึงทำให้ค่าไฟสูงขึ้นเกินความจำเป็น

Advertisement

นายธนาธร กล่าวต่อไปว่า พรรคก้าวไกลกล้าและพร้อมชนกับกลุ่มทุนผูกขาด สิ่งที่เราจะทำคือการจัดสรรก๊าซธรรมชาติที่มาจากอ่าวไทยใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าให้กับประชาชน เราจะยกเลิกและเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตไฟฟ้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนทันที เพราะเป็นระบบเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนห่างกันขึ้นทุกที เราถ้าปล่อยให้นโยบายแบบนี้ให้กลุ่มทุน 3-4 กลุ่มที่ขายไฟให้กับภาครัฐโดยที่ไม่ต้องมีนวัตกรรมอะไรเลย เราจะทำระบบให้ประชาชนติดโซล่าเซลล์แล้วขายกลับให้ เหมือนกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทำได้ ซึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการต่อสู้กับกลุ่มทุนผูกขาด ซึ่งพรรคก้าวไกลจะทำให้ประชาชนเห็นและจะเห็นได้ว่าเราทำจริงแล้วใน 4 ปีที่ผ่านมา

ต่อคำถามถึงข้อเสนอในการแก้ปัญหายาเสพติดแบบเห็นผลเป็นรูปธรรม เช่นคำพูดว่า “ยาบ้าถูกกว่าก๋วยเตี๋ยว” จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเสนอมาตลอดว่าจะพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ แก้ปัญหาที่ระดับโครงสร้าง การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่สามารถแก้ได้ด้วยการจับผู้ค้าปลีก หรือผู้เสพเข้าคุก สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการปฏิรูปตำรวจ เพราะวันนี้ประชาชนเห็นกันทั้งตำบล รู้กันทั้งอำเภอว่า มียาเสพติด แต่ทำไมถึงไม่มีตำรวจไปจับยาเสพติด เหตุผลง่ายๆ เพราะตำรวจที่ไปรับใช้ประชาชน ที่ไปจับโจรจับผู้ร้าย จับยาเสพติดไม่ได้ดิบได้ดี แต่ตำรวจที่ได้ดีคือตำรวจที่รับใช้นาย การจะเป็นผู้บริหาร เป็นผู้กำกับได้ ไม่ใช่ทำดีแต่คือการไปตั้งด่านขูดรีดประชาชน แล้วส่งต่อเงินเป็นทอดๆ แล้วไปซื้อตั๋ว อย่างที่นายรังสิมันต์ โรม อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่าจะเจริญหน้าที่การงานได้ต้องมีตัวช้าง ตั๋วต่างๆ ใครมีมากกว่าก็จะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ระบบเช่นนี้ที่กัดกินระบบตำรวจของไทย ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยที่หวังดีกับประเทศ อยากรับใช้ประชาชนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือปฏิรูปตำรวจทำให้การเลื่อนขั้นเลื่อนยศ เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ด้วยผลงาน ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยการมีตั๋ว หากทำได้ 2-3 ฤดูกาลจะทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่จะทำให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน

“พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่าพวกเราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนพร้อมเป็นปากเป็นเสียงให้กับทุกท่าน ในเรื่องยากๆ แบบนี้พรรคอื่นพูดอะไรไม่รู้ แต่เราทำมาแล้ว เราอภิปรายปกป้องศักดิ์ศรีของตำรวจอย่างพล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ ที่ทำเรื่องค้ามนุษย์ ต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลแต่กลับต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เราอภิปราบยาเสพติดในสภา ยังจำเรื่องการจับแป้งได้หรือไม่ ผมถามคนในที่นี้ว่าท่านเชื่อว่านั่นคือแป้งจริงๆ หรือไม่ ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่านั่นคือแป้ง เพราะถ้าเชื่อว่ามันคือแป้งแล้ว จะแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างไร” นายธนาธร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image