‘หมอมิ้ง’ ลั่น ฝ่ายปชต.ต้องชนะให้ได้เสียงข้างมาก เชื่อ 3 แคนดิเดตนายกฯ พท. เป็นนายกฯ ได้หมด

‘หมอมิ้ง’ ลั่น ฝ่าย ปชต.ต้องชนะให้ได้เสียงข้างมาก เชื่อ 3 แคนดิเดตนายกฯ พท. ไม่ว่าใครก็เป็นนายกฯ ได้ ยัน สิ่งที่พูดหลังขึ้นเวทีดีเบตแทน 3 แคนดิเดตนายกฯ พูดจากสิ่งที่เห็นและทำร่วมกัน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ต่อมาเวลา 15.40 น. เข้าสู่รอบที่ 3 เวที “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม” โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคขึ้นเวทีปล่อยของ เรียกคะแนนให้ได้มากที่สุด ว่าถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 จะทำอะไร อย่างไร ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่บทใหม่ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

โดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การกำเนิดพรรคเกิดขึ้นจากนายทักษิณ​ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เพราะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เมื่อเราเข้ามาเป็นรัฐบาลก็สามารถกู้วิกฤตได้ นอกจากนี้ ยังฝ่าวิกฤตสึนามิ จนกระทั่งมาเป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เราก็ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมได้ ครั้งนี้ในวันที่ 14 พฤษภาคมก็จะเป็นวันที่ทุกคนจะได้ออกมาใช้สิทธิที่เป็นประชาธิปไตย ที่จะมีอนาคตอย่างไรหรืออยู่กับสภาพเดิมที่เคยเป็นอยู่มาตลอด 9 ปี หรือจะเป็นทางเลือกใหม่ในการฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร เป็นผลให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 มาได้ สำหรับยุทธศาสตร์ของพรรค พท.ที่จะทวงคืนประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี คือฝ่ายประชาธิปไตยต้องเอาชนะเสียงให้ได้มากที่สุด เพื่อไปจัดตั้งรัฐบาลป้องกันเสียงข้างน้อย และให้พรรคการเมืองต่างๆ มารวมเสียงกันได้เพื่อขัดค้านเสียงของ ส.ว.ได้ ซึ่งก้าวสำคัญจะเกิดขึ้นได้ต้องมีนโยบายดีๆ ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เราเชื่อว่าการต่อสู้ทางการเมืองที่แท้จริงเพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เราจึงเน้นการสร้างรายได้ให้คนทุกกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าพลังของประชาชนต้องถูกปลดปล่อยให้มีเสรีภาพ

Advertisement

นพ.พรหมินทร์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คิดว่าพี่น้องประชาชนสามารถสัมผัสได้ว่า ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย รายได้ไม่เพียงพอกับการดำรงชีวิตอยู่ได้ ทำให้เกิดการสร้างหนี้ เบื้องต้นในการที่จะห้ามเลือดก็ต้องไปหยุดหนี้ โดยเรามีโครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี เราจะปรับลดค่าพลังงานทันที ทุกเรื่องเรามีมาตรการชัดเจน เพราะเคยบริหารเรื่องเหล่านี้มาแล้ว และเราต้องปรับวิธีคิดจากการเกษตรดั้งเดิมเป็นการเกษตรก้าวหน้า สิ่งเหล่านี้เราทำด้วยตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เราจะปลูกพืชที่เป็นอาหารสัตว์ ได้แก่ ข้าวโพดและถั่วเหลือง รวมถึงการเลี้ยงโคเพื่อส่งออก เรามั่นใจว่าเราทำเรื่องเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ เราจะเปิดเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเราจะแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค อนาคตของเด็กเราก็ต้องดูแล ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คนที่ถูกผลักออกจากระบบการศึกษา เราเสนอหลักสูตร Learn to Learn การแจกแท็บเล็ตฟรี นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องยาเสพติดก็ต้องถูกจัดการไปด้วย โดยเราจะจัดการอย่างเด็ดขาดในเรื่องของการยึดทรัพย์ เราจะทำให้ระบบราชการเป็นระบบดิจิทัล

นพ.พรหมินทร์ กล่าวต่อว่า ทุกคนคงเคยได้ยินว่าเราจะเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาทให้คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เหตุผลสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ใช้ภาย 6 เดือนในรัศมี 4 กก. นั่นคือการผลักประเทศไปข้างหน้า และใช้ระบบที่เป็นรัฐบาลที่จะโปร่งใสด้วยระบบดิจิทัล การคอร์รัปชั่นจะลดน้อยลง เพราะท่านสามารถตรวจสอบได้ว่าใบอนุญาตต่างๆ ได้รับการอนุมัติหรือไม่ เพราะอะไร และเชื่อว่าเราจะสร้างเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคั่งและมั่นคงที่เท่าเทียมที่เป็นธรรม เราจะสร้างอนาคต และเราจะปิดสวิตซ์ส.ว.

สำหรับคำถามที่ว่า หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล เราจะได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือนายชัยเกษม นิติสิริ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราเสนอผู้มีความสามารถ 3 คนที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการผลักดันประเทศให้เป็นสัญลักษณ์ว่าพรรคการเมืองของเราคือพรรคที่ไม่ได้มาด้วยบุคคล แต่มาด้วยองค์ประกอบสำคัญของคนทุกวัย องค์ประกอบ 3 คนคือหนึ่งเดียว โดยนายเศรษฐาคือองค์ประกอบของผู้ที่ประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจในการแก้ปัญหา เพราะปัญหาของประเทศวันนี้คือเศรษฐกิจที่ต้องโตขึ้น ส่วนน.ส.แพทองธารคือตัวเชื่อมระหว่างคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจถึงนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่นายชัยเกษมเป็นบุคคลที่อยู่ในระบบของความยุติธรรมมาโดยตลอด แม้กระทั่งวันที่ถูกรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ท่านก็ตัวแทนของรัฐบาลที่ตอบว่าเราไม่ลาออก เพราะไม่มีกฎหมายให้ลาออก จึงเป็นคำตอบที่ทำให้โดนยึดอำนาจไป ฉะนั้น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของเรา คนใดคนหนึ่งสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทั้งหมด แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราทำเป็นคณะ

Advertisement

ขณะที่คำถามที่ว่า นพ.พรหมินทร์ขึ้นเวทีดีเบตแทนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.มาหลายครั้ง หมายความว่าสิ่งที่ถ่ายทอดเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่แคนดิเดตตัวจริงจะพูดและจะทำในอนาคตใช่หรือไม่ และจะเป็นอย่างไรถ้าเขาไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่นพ.พรหมินทร์พูด นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า พรรคของเราหัวใจคือประชาชน ปัจจัยสำคัญที่เราชนะการเลือกตั้งทุกครั้งคือ เรามีส.ส.ที่อยู่ข้างประชาชน รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อนำมาแก้ปัญหาและประกอบเป็นนโยบาย รวมถึงเรามีคณะบริหารที่มีตัวแทนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน แต่แท้จริงแล้วเราเป็นคณะใหญ่ กว่าจะมาเป็นนโยบายไม่ใช่แค่ตนคนเดียวแต่มีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน นักวิชาการต่างๆ มาระดมสมองกันกว่า 10 คณะ ยืนยันว่าเราทำงานเป็นกระบวนการ คนเหล่านี้ต่างหากที่จะประกอบเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งแก้ปัญหาประชาชนด้วย 3 ประการ ฉะนั้น ตนพูดอะไรก็พูดเหมือนกันทุกคน แค่นี้ข้อพิสูจน์เกิดขึ้นแล้ว บางครั้งตน น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา พูดเหมือนกัน 3 เวทีโดยไม่ได้นัดหมาย สรุปว่าเราพูดจากสิ่งที่เราเห็นและทำร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image