2 นารีขี่ม้าศึก ‘อ๋อม-หมิว’ รัวกลองรบ ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เลิกทนตรรกะบิดเบี้ยว

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยรอบที่ 1 เวที “Young blood วัดอนาคต”

น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ หรือ อ๋อม ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 13 พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองของตนคือประชาธิปไตยเต็มใบ 100% รัฐประหารคืออาชญากรรม และคนทำรัฐประหารคืออาชญากร เราควรนำคนที่ทำรัฐประหารมาดำเนินคดีไม่ว่าจะกรณีใดก็แล้วแต่ เพราะเป็นการดึงประเทศให้ถอยหลัง การเมืองที่ดีควรจะรับฟังกันแม้จะเห็นต่างกัน แต่ก็ควรพูดคุยกัน ประชาธิปไตยและรัฐสภาเป็นทางออกของผู้มีอารยะ สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้ลงมาทำงานการเมืองคือปัญหาของพี่น้องประชาชน ตนก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งที่มองเห็นปัญหาและตรรกะที่บิดเบี้ยวมาตลอด 8-9 ปี สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานคือสิ่งที่ถูกริดรอนไป

“ประชาชนเห็นต่างจากรัฐบาลถูกยัดเยียดคำว่าชังชาติ ซึ่งตนก็โดนยัดเยียดคำนี้เช่นกัน เพียงเพราะออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ไม่เอาไหน ทำงานไม่ได้ ล้มเหลว นี่หรือชังชาติ เราแค่อยากส่งต่ออนาคตที่ดีให้ลูกหลานของเรา แต่เราเกลียดรัฐบาลที่กำลังบริหารอยู่ รัฐบาลที่พูดนโยบายแล้วทำไม่ได้ เราจะทนให้ประชาชนทนดูการบริหารของรัฐบาลที่ไม่มีทิศทาง เอางบประมาณไม่ตรงจุดหรือ เมื่อพูดไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจลงมาทำงานการเมือง” น.ส.สกาวใจกล่าว

ด้าน น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ หมิว พรรคก้าวไกล  ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 14  กล่าวว่า ตนก้าวเข้าสู่สนามการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะได้เห็นความเหลื่อมล้ำ ได้เห็นชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่ได้เคยเล่นมา ตอนที่ได้ทำหน้าที่พิธีกรรายการหนึ่ง ได้เห็นเด็กที่หลุดออกจากวงโคจรการศึกษาเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเสีย ได้เห็นบ้านหนึ่งที่ต้องทำงานเก็บเงินทั้งเดือนเพื่อเช่ารถหนึ่งคัน พาลูกที่ป่วยไปหาหมอที่โรงพยาบาลหัวเมือง ไปเจอน้องชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตกับพ่อที่ป่วยติดเตียง และจับได้ใบแดงเข้าเป็นทหาร เราจึงเกิดคำถามที่ว่าทำไมภาษีที่เราจ่ายไป จึงไม่ได้กลับมาสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เพื่อรองรับระบบสาธารณูปโภค การศึกษา และสาธารณสุขให้กับคนไทย ภาษีที่เราเสียไปแต่ละปีเป็นล้านๆ บาท ทำไมจึงผันกลับมาเป็นสวัสดิการที่ดีให้คนไทยที่เจ้าของภาษีไม่ได้

Advertisement

น.ส.สิริลภัสกล่าวต่อว่า ตอนที่ตนเป็นนักแสดง ตนออกมาคอลเอาต์ จึงทำได้แค่พูด ซึ่งเป็นเสียงที่ดังกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าได้ก้าวเข้าไปเป็น ส.ส.ในสภา ตนมั่นใจว่าจะสามารถเป็นตัวแทนประชาชน พูดให้ทรงพลัง พูดให้เสียงดังที่สุด พูดเรื่องความลำบากปากท้องของประชาชนในสภา ให้ผ่านนิติบัญญัติ ผ่านกฎหมาย ผ่านนโยบาย ให้คนไทยมีชีวิตที่ดี ที่ควรจะมีและดีกว่านี้ได้ ส่วนเรื่องนโยบายที่เราอยากจะชูคือ การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต การเมืองดีคือ การทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน, การปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อเอาลูกคืนบ้านเอาหลานคืนมา, รัฐโปร่งใสไร้กลโกง เปิดเผยข้อมูลของรัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้ ไม่มีการมุบมิบ การจัดซื้อจัดจ้างต้องรับรู้โดยประชาชนตลอด และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อกระจายอำนาจ และกระจายความเจริญ ไม่ใช่ประเทศกรุงเทพฯอย่างเดียว เพราะมีหลายจังหวัดต้องการปกครองตนเอง และใช้งบประมาณเพื่อคนในพื้นที่จริงๆ

“สุดท้ายดิฉันอยากบอกว่า พวกไอ้ส้มมันเป็นนักสู้ เราจะสู้และจะชนกับต้นตอปัญหา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกส้มจะสู้ ซึ่งไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่ชัยชนะที่ได้มาจะเป็นชัยชนะของประชาธิปไตย และของประชาชนทุกคน ฉะนั้นวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ให้กาเบอร์ 31 แบบปาร์ตี้ลิสต์และ ส.ส.เขต ขอให้ไปดูที่หน้าหน่วยเลือกตั้งของท่าน จำเบอร์ให้ดี เพราะเบอร์นี้จะเป็นเบอร์ที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนประเทศและพาประเทศไทยให้ก้าวไปไกลยิ่งกว่าเดิม จึงอยากให้มาร่วมปักธงประชาธิปไตยไปด้วยกันให้ทั่ว กทม.และทั่วประเทศ ประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้ ต้องขอแรง ขอพลังจากทุกคน วันนี้ใครที่เชียร์อยู่ทางบ้าน ขอเปลี่ยนแรงเชียร์แรงใจ เป็นแรงกาในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” น.ส.สิริลภัสกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image