‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’

‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ชั้น G บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มติชนXเดลินิวส์ จัดเวที “ร่วมวิเคราะห์โพลเลือกตั้ง 66”

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 10.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาหัวข้อ “วิเคราะห์โพลมติชน-เดลินิวส์ และแนวโน้มการเลือกตั้งโค้งสุดท้าย” โดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์

ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.ประจักษ์ตอบคำถามที่ว่า มีโอกาสหรือไม่ ที่จะเกิดการเล่นเกมยุบพรรคและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสน จนนำไปสู่การเกิดพรรคแตกและการดูด ส.ส.

Advertisement

รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า ‘มี’ เวลาใครถามว่าประเทศไทยจะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ ให้ตอบว่า ‘มีโอกาส’ เพราะมันก็เกิดมาแล้ว การยุบพรรคก็มีโอกาส เพียงแต่คิดว่าครั้งนี้ต่อให้มีการยุบพรรคผลที่ออกมาก็ไม่เหมือนเดิมหรืออาจจะเป็นตรงข้ามก็ได้ สองเหตุผลหลักคือ เหตุผลแรก เสียงของประชาชน อย่าดูถูกเสียงของประชาชนที่แสดงออกมา ไปยุบพรรคที่มีคนเลือกมากขนาดนี้ไม่ว่าเพื่อไทยหรือก้าวไกล คิดว่าจะเกิดปฏิกิริยาแน่ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรลงทุนมาเดินหาเสียงขนาดนี้ คือตอนนี้ต้องมีสปิริตนักการเมืองแล้ว ต้องลืมบทบาทการเป็นผู้นำรัฐประหาร ตอนนี้ต้องเล่นตามกติกาถ้าแพ้แบบชัดเจนก็ยอมรับ ถ้าชนะก็มีความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล แบบนี้มันสง่างามที่สุด แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่คิดว่าการยุบพรรคแล้วผลจะไม่เหมือนเดิมเพราะฝ่ายค้านก็รู้ ไม่ได้เอาคนสำคัญไปเป็นกรรมการบริหารพรรคมากที่จะทำให้จำนวน ส.ส.ลดลง กับการที่หวังว่าถ้ายุบพรรคแล้วจะมาดูด ส.ส.งูเห่าไป ในการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ส.งูเห่านั้นไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทฤษฎีตาอินกับตานา พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทะเลาะกัน แล้วตาอยู่ฝั่งรัฐบาลจะชนะระดับเขตนั้นยังมีความสมเหตุสมผลและเป็นไปได้หรือไม่

Advertisement

รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า เราต้องตอบตามตัวเลขทางวิชาการ คือการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนปี’62 ถามว่าในตอนปี’62 มีหรือไม่ ที่พรรคฝ่ายค้านไปตัดคะแนนกันเองทำให้บางเขตคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลชนะมาได้มีอยู่จริงในหลายเขต แต่ในครั้งนี้จะเหลือเขตที่ตัดคะแนนกันเองจนมีตาอยู่มาแย่งไปได้มีน้อยมาก

“ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนไม่ตัดคะแนนกันเองอยู่แล้วเพราะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ส่วนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มี 13 เขต พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ใช่คู่แข่งหลัก พื้นที่ตรงนั้นคือพรรคประชาชาติแข่งกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าดูพื้นที่กรุงเทพฯแข่งกันเองขึ้นอยู่กับว่าเขตไหนเพื่อไทยหรือก้าวไกลจะมา แต่จะมีเขตจำนวนหนึ่งที่เป็นพื้นที่ของฝั่งรัฐบาล ฉะนั้นเหตุการณ์ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะมาตัดคะแนนกันเองและมีตาอยู่คือฝั่งรัฐบาลจะมาแซงชนะเหลือน้อยมากแบบนับนิ้วได้” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเลือกการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ หรือเลือกตั้งตามเจตจำนงเสรีของประชาชน

รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า ตอนนี้ฝั่งที่เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์จริงๆ คือฝั่งอนุรักษนิยม กระแสตอนนี้มีความพยายามที่จะบอกว่าต้องหนุนลุงตู่เป็นหลักไม่อย่างนั้นจะยิ่งแพ้ราบคาบเพราะว่าถ้าดูจากผลโพลฝ่ายรัฐบาลรวมกันไม่ถึง 20% ในเขตยิ่งแข่งกันเองมาก ตัดคะแนนกันจริงแล้วจะแพ้กันหมด จึงเริ่มมีการรณรงค์ในการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ให้เทพรรคเดียวในขั้วอนุรักษนิยม ซึ่งถ้าเราดูคะแนนฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างนิ่ง ฝ่ายค้านคะแนนจะสะวิงไปมาระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ถ้าโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมาเป็นตาอยู่กลับมาตั้งรัฐบาลได้นั้นค่อนข้างยาก ถ้ามีโอกาสคือจะต้องฝ่าด่าน 25 เสียงก่อนถ้าดูจากผลโพล

เมื่อถามว่า คิดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายการจ่ายเงินจะเป็นประเด็นให้ผลการเลือกตั้งพลิกจากโพลได้มากขนาดไหน

รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า คิดว่าไม่ถึง 5% ที่จังหวัดหรือเขตเลือกตั้งที่จะมาพลิกในโค้งสุดท้ายเพราะการทุ่มเงิน ไม่ถึงกับจะเปลี่ยนขั้วแต่แค่จะเพิ่มที่นั่งของบางพรรคขึ้นมาเพราะทุกพรรคก็อยากมีที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่ออำนาจในการต่อรอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ประจักษ์’ ชี้ เทรนด์ใหญ่ไปทางเดียว ติง ฝ่ายค้าน ‘สมการง่าย’ แต่ไปทำให้ยาก เหตุถกแรงทะเลาะหนัก ระวังทำงานยาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image