ไม่ใช่แค่ดูจากผลโพล เพราะที่ชัดเจนกว่าคือกระแสต้อนรับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงกรี๊ดด้วยความปลื้มปีติที่ให้เห็นหน้าเห็นตัวเป็นๆ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ของคนหนุ่มคนสาว ในทุกหนแห่งที่ “หัวหน้าพรรคก้าวไกล” ปรากฏร่าง
ล้อมหน้าล้อมหลัง วิ่งดักหน้าขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น มอบของบางสิ่งบางอย่างไว้เป็นที่ระลึก
ความชัดเจนนี้หมายถึง หากตัดสินการจัดตั้งรัฐบาลด้วย “ผลการเลือกตั้ง” ย่อมแน่นอนว่า “การสืบทอดอำนาจ” ย่อมต้องหยุดลง
พรรค “ฝ่ายอำนาจประชาชน” จะร่วมกันฟอร์มคณะรัฐมนตรี
แม้ “เพื่อไทย” จะยังไม่มั่นใจว่าหากประชาชนไม่เทคะแนนให้แบบแลนด์สไลด์ ยังลังเลที่จะแบ่งไปกาบัตรเลือก “ก้าวไกล” อาจจะเปิดโอกาสให้ “ฟากสืบทอดอำนาจ” เป็นผู้ชนะ ตามทฤษฎี “ตาอยู่”
วิตกว่าจะเกิดความผิดพลาด เปิดทาง “สืบทอดอำนาจ” เพราะ “อำนาจประชาชน” แย่งเสียงกันเอง
แต่ “ก้าวไกล” ชัดเจนอย่างยิ่งว่า หนทางจัดตั้งรัฐบาลมีแต่ “เพื่อไทย+ก้าวไกล” เท่านั้น ไม่มีทางที่คะแนนจากอำนาจประชาชนของ “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” จะเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้
สิ่งที่ “ก้าวไกล” สื่อสารคือจะทำอะไรให้กับประเทศ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของคนหนุ่ม คนสาว คนรุ่นใหม่ ลูกหลานที่มาแล้ว และจะเกิดต่อไปมากกว่าที่จะใส่ใจว่า “เพื่อไทย” จะร่วมรัฐบาลกับใคร
เพียงแต่ประกาศชัดว่า “ไม่เอากับฟากสืบทอดอำนาจ” แม้จะต้องเป็นฝ่ายค้านก็ยอม
กระแสตอบรับของคนหนุ่มคนสาวที่แสดงออกไม่ใช่แค่เทความนิยมให้เท่านั้น แต่เป็นภาพที่สะท้อนถึงความหลงไปต่อแนวทางการเมือง และความหนักแน่นของนักการเมืองจากก้าวไกล
หากดูจากการปรากฏตัวของ “พิธา” หรือแม้แต่ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ในทุกพื้นที่ช่วงหลัง จะพบว่าพลังของความหลงใหลดังที่ว่า เป็นเรื่องน่าใส่ใจไม่น้อย
ในความเป็นจริงทางการเมือง มีมองกันว่า “วิษณุ เครืองาม” มาส่งสัญญาณว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะไม่ปล่อยมือง่ายๆ
แม้จะแพ้การเลือกตั้ง แต่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกแบบตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ใช่ว่า “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” จะหมดหนทางหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
“นายกรัฐมนตรี” ที่ตั้งด้วย 250 ส.ว. จะเปิดประตู “ฟาร์มงูเห่า” มาเสริมทัพรัฐบาลเสียงข้างน้อย
นั่นยังไม่รวมถึงการที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายพูดถึงกลไกการจัดการตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้
เหล่านี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจยิ่ง
แน่นอน! หากเป็นเช่นนั้น คนหนุ่ม คนสาวที่หลงใหลคลั่งไคล้ทิศทางของประเทศที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยชี้ชวนให้มองเห็นภาพจะต้องไม่พอใจ
แต่ “นักควบคุมอำนาจ” เหล่านี้จะไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไร ขอเพียงยังยึดครองอำนาจไว้ได้เป็นพอ อย่างอื่นค่อยหาข้ออ้างเอาภายหลัง ข้างๆ คูๆ ก็ไม่เป็นไร
เพราะเชื่อว่าพลังของประชาชนไม่มีทางที่จะเอาชนะ “ขบวนการสืบทอดอำนาจ” ที่เชื่อมั่นว่าแข็งแกร่งได้
การต่อสู้มีแต่จะสูญเสียโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา แถมยังสร้างความไม่สงบอันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องถูกควบคุมให้ได้เพื่อความสงบของประเทศขึ้นมาอีก
คงจะเป็นเช่นนั้น
บ้านเมือง ประเทศชาติต้องอยู่ในความสงบ
แต่เคยคิดไหม ความสงบที่เชื่อว่าควบคุมได้นั้น ได้สร้างอะไรให้เกิดขึ้นในใจของคนหนุ่มคนสาว
คนหนุ่มคนสาวที่หลงใหลในแนวทางของพรรคการเมืองที่ถูกช่วงชิงชัยชนะด้วยกติกาที่ยอมรับไม่ได้
คนหนุ่มคนสาวที่เกลียดชังการบริหารประเทศที่พวกเขาเห็นว่านำไปสู่ความไร้อนาคต
เคยคิดไหมว่า ด้วยพลังความหลงใหล พลังความเกลียดชัง คนหนุ่มคนสาวจะสร้างอะไรขึ้นในจิตใจ ขณะจำต้องยอมจำนน
สุดท้ายอำนาจที่ไร้คนศรัทธาจะเป็นเช่นไร