ปริญญา ฟันธง ปล่อยตัว ‘หยก’ ได้ทันที หากการออกหมายจับไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ย้ำ ขอให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวอย่างเคร่งครัด
สืบเนื่องกรณี หยก ธนลภย์ (สงวนนามสกุล) เยาวชนอายุ 15 ปี ผู้ถูกกล่าวหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการชุมนุม เมื่อ 13 ตุลาคม 2565 ถูกควบคุมตัวภายใน ‘บ้านปรานี’ เป็นเวลา 36 วัน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ห้องจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดงานเสวนา วิชาการ หัวข้อ ‘เยาวชนไทยในกระบวนการยุติธรรมอนาคตของประเทศไทยยังมีพวกเขาอยู่ไหม?’
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 29 วรรค 2 ทุกคนไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้หลักการของรัฐธรรมนูญ ที่ว่า ในคดีอาญาโดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นไม่มีความผิด ดังนั้นศาลจึงมีหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนจากการกล่าวหาของฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และเราอาจลืมพูดถึงบุคคลผู้ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกทอดหนึ่ง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี
“ดังนั้นการตั้งข้อหาใด สมควรหรือไม่ และมีการกระทำที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีด้วยความอาญาหรือไม่ ถ้ามีความไม่ถูกต้องขึ้นมา ก็ต้องโทษนายกรัฐมนตรีด้วย” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวต่อไปว่า แม้กฎหมายเขียนว่าให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ แต่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเชื่อตำรวจและอัยการที่ตั้งข้อหามารุนแรง จึงไม่ปล่อยตัวชั่วคราวและให้เหตุผลว่าข้อหาพฤติกรรมร้ายแรง ความผิดมีโทษสูง ยิ่งเป็นคดีที่เป็นความเห็นต่าง ยิ่งต้องพึงระมัดระวัง ต้องถือไว้ก่อนว่าประชาชนบริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้ในทางปฏิบัติมีความย่อหย่อนมากพอสมควร
“ในมาตรา 67 ของ พ.ร.บ.gด็กและครอบครัว การพิจารณาออกหมายจับเด็กหรือเยาวชน ซึ่งตั้งข้อหาว่าทำผิดต้องคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชนเป็นสำคัญ หากการออกหมายจับจะมีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเด็กหรือเยาวชนอย่างรุนแรงโดยไม่จำเป็น ให้พยายามเลี่ยงการออกหมายจับโดยใช้วิธีติดตามตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นด้วยวิธีอื่นก่อน เหตุนี้เองในการออกหมายจับจึงต้องมีเหตุ คือ ในมาตรา 66 ในข้อ 2 ระบุว่ามีหลักฐานจะหลบหนีโดยในวรรค 2 เขียนว่าถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี เมื่อจะหลับหนีให้ออกหมายจับได้
เขามีหมายเรียกแล้วเขาขอเลื่อน เขาไม่ได้หลบหนี เขามีเหตุผลต้องไปเรียนต้องไปสอบ ดังนั้นการออกหมายจับจึงไม่ถูกต้องอยู่แล้วตามมาตรา 66 การมีหมายเรียกแล้วไม่ไปนั้นไม่ผิด หากเขาขอเลื่อนแล้วมีเหตุอันควร การที่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียก 1 ครั้งแล้วออกหมายจับเลยจึงเป็นการกระทำที่ผิด ต่อให้เป็นกรณีผู้ใหญ่ก็ผิด และในการควบคุมตัวเองก็ผิดเช่นเดียวกัน ตามมาตรา 68 เรื่องของการควบคุมคุมขัง เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชน ห้ามมิให้ควบคุม คุมขัง กักขัง คุมความประพฤติหรือใช้มาตรการอื่นใดอันมีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของเด็กและเยาวชน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดหรือเป็นจำเลย เว้นแต่มีหมายหรือคำสั่งของศาล แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไม่เกินกว่าเหตุ เพราะว่าเรามี พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว ขึ้นมาเพื่อมุ่งคุ้มครองเยาวชน” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า กรณี หยก สามารถปล่อยตัวได้ทันที เพราะการออกหมายจับไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ไม่ต้องให้ผู้ต้องหาไปร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยซ้ำ เพราะหลักคือสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์
“เมื่อกระบวนการจับกุมไม่ถูกต้องก็ปล่อยได้เลย หมายขังของท่านก็เลิกไปได้เลย ผมคิดวาเรื่องสำคัญสุดท้ายที่ต้องพูดกันคือ สังคมจะสงบสุขได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมตา ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่จะทำอย่างไรให้ความเห็นต่างไม่รุกรานกลายเป็นเรื่องที่นำไปสู่ความเกลียดชัง ซึ่งวิธีดีสุดคือการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากกระบวนการยุติธรรม” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ทิชา’ เชื่อ ถ้ารบ.ดี เด็กติดคุกน้อยกว่านี้ แฉอำนาจนิยมในสถานพินิจ ขอบคุณเด็กวัย 15 ปลุกผู้ใหญ่ตื่น
ทนายด่าง สบถแรงกลางวง ปมจับกุม ‘หยก’ ลั่น ป่วยทุกขั้นตอน – ทีคดี ส.ว.ลุกลี้ลุกลนถอนหมาย