อจ.แถลงเวที ‘มติชน-เดลินิวส์’ ปิดฉาก2ลุง ถอดรหัสโพล-ชี้เจตจำนง ฝ่ายปชต.แรงทิ้งห่างขั้วเก่า

อจ.แถลงเวที ‘มติชน-เดลินิวส์’ ปิดฉาก ‘2ลุง’ ถอดรหัสโพล-ชี้เจตจำนง วิเคราะห์คะแนนนิยม ฝ่ายปชต.แรงทิ้งห่างขั้วเก่า

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่โถงอาคารสำนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดเวที ร่วมวิเคราะห์โพลเลือกตั้ง’66 โดยสื่อยักษ์ใหญ่ 2 ค่าย มติชน เดลินิวส์ และวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ร่วมมือกันจัดทำและเข้าร่วม ประกอบด้วย นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายปารเมศ เหตระกูล และนางประพิณ รุจิรวงศ์ กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์, นายนนท์ รุจิรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เดลินิวส์, ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์, รศ.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์, รศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์

ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาการเปิดโหวตโพลสองยักษ์ใหญ่ของประเทศ มติชนxเดลินิวส์ เลือกตั้ง’66 ในรอบที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 เม.ย.2566 ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ชี้อนาคตการเมืองไทยจำนวนมาก ก่อนจะเริ่มรอบที่ 2 สำรวจผลโหวตโพลระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2566 การเปิดโหวตผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ครั้งดังกล่าวประสบความสำเร็จ มีผู้ร่วมโหวตเกือบ 200,000 คน ผลออกมาสั่นสะเทือนวงการการเมือง นอกจากนี้ ยังจัด 6 เวทีประชันวิสัยทัศน์และนโยบายทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ได้รับผลตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลามนั้น

รศ.ธำรงศักดิ์ ให้ความเห็นผลจากโพลสองสื่อยักษ์ใหญ่ว่า เมื่อดูโพลมติชนXเดลินิวส์ จะเห็นว่าถ้าดูตามโพลคนตอบโจทย์ของการจะไปเลือกตั้งสูงมาก ถ้าดูโพลเมื่อก่อน คนจะลังเลใจว่าจะไปเลือกตั้ง หรือไม่ไปสัก 30-40% แต่ตอนนี้ทุกโพลบอกว่าจะไปเลือกตั้ง ตอนนี้มีประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ 52 ล้านคน ถ้าเราตีความว่าไปเลือกตั้งครั้งนี้สักเท่าไหร่ คิดว่า 75-80% ซึ่งสูงมาก คนราว 39-42 ล้านคน เสียงออกมาว่าประมาณ 80% อยู่ฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือผู้นำประเทศ และข้อสำคัญกรณีคะแนนนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกพรรคก้าวไกล(ก.ก.),น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทย(พท.)รวมกัน 80-85% นั้น หมายความว่าเขาไม่เอากลุ่มการเมืองแบบเดิม ดังฉากทัศน์ที่เราจะเห็นต่อไป คือฉากทัศน์ที่ต้องเปลี่ยนรัฐบาล

Advertisement

รศ.ธำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เมื่อปี 2518 จับมือกับอีก 2 พรรคเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เมื่อจะต้องเสนอแนวนโยบาย ต้องมีการโหวตว่าจะผ่านแนวนโยบายหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญปี 2517 ปรากฏว่าไม่ผ่านอยู่ได้ 1 เดือน ยังไม่ได้ทำงานเลย นี่คือประวัติศาสตร์ของเสียงรัฐบาลข้างน้อย ครั้งนี้ก็จะมีสถานภาพที่ย่ำแย่ยิ่งกว่า เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยครั้งนี้จะต้องไปใช้ ส.ว.ในการหนุน ผลโพลชี้ว่า ประชาชนทั้งหมด 82.5% ไม่ให้ ส.ว.โหวตตามใจตนเอง ให้ ส.ว.โหวตตามพรรคการเมืองที่ได้เสียงลำดับที่ 1 เป็นเจตจำนงที่หากประชาชนถูกข้ามหัวหรือว่าถูกไม่แคร์เสียง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความโกรธ และจะเป็นความโกรธที่ประเมินค่าไม่ได้

“ครั้งนี้อาจจะเป็นพลังประชาชนครั้งที่ 3 หากฝืนเสียงของประชาชน ดังนั้นรัฐบาลเสียงข้างน้อยของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช.ต้องตระหนักไว้ว่า คะแนนนิยมของตนเองตกต่ำมาก ขนาด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอนนี้ยังเหลือแค่ 1-2% ถ้าผู้นำทางการเมืองตกต่ำขนาดนี้ ผมคิดว่าน่าจะพอเถอะ” รศ.ธำรงศักดิ์กล่าว และว่า ตอนนี้อยากชี้ว่าทั้งพรรคพท.และพรรคก.ก. ต้องเปลี่ยนวาทกรรมกันใหม่ เป็นเราร่วมกันแลนด์สไลด์ เพราะนี่เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย

ด้าน รศ.ประจักษ์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลโพลมติชนXเดลินิวส์ กล่าวว่า สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนคือไม่ว่าโพลของสำนักไหนเทรนด์ใหญ่ออกมาไม่ขัดแย้งกันไปในทิศทางเดียวกัน ตัวเลขต่างกันเล็กน้อย ทุกโพลในประเทศไทยไม่คลาดเคลื่อน ผลการเลือกตั้งค่อนข้างชัดในแง่ที่ว่าใครได้เสียงข้างมากจากประชาชน พรรคฝ่ายร่วมรัฐบาลตอนนี้ทั้งหมดรวมกันสูงสุดไม่ว่าจะโพลไหน ไม่เกิน 30% บางโพลต่ำไปถึง 15% จากโพลพรรคก.ก.และพรรค พท.รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกฯ หรือการเลือกพรรคในระบบบัญชีรายชื่อนั้น พุ่งไปกว่า 80% หากตีเป็นตัวเลขหมายความว่าจะได้ 350 ที่นั่ง และพรรคฝ่ายร่วมรัฐบาลรวมกัน 150 ที่นั่ง โพล

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image