‘บิ๊กป้อม’ชี้เหตุพระปะทะทหาร แค่เข้าใจผิด โยนกรธ.ตัดสินปมศาสนาประจำชาติ

“บิ๊กป้อม” ยันรัฐบาลรับหนังlสือจากพระไม่ถือเป็นการผูกมัด โยน กรธ.พิจารณาให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเอง เชื่อเหตุปะทะเป็นความเข้าใจผิดระหว่างทหารและพระ มั่นใจทุกอย่างลงเอยด้วยดี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ โดยก่อนการประชุม ครม. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเยาวชนมารณรงค์สืบสานวิถีพุทธในวันมาฆบูชา เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 16-22 ก.พ.นี้ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงและวัดทั่วประเทศ

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ถึงกรณีที่เครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั้วประเทศ นำโดยพระเมธีธรรมาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยที่ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อสกัดกลุ่มบุคคลที่ออกมาจาบจ้วงคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่แผนล้มล้างโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ ว่า ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีกลับจากภารกิจจากต่างประเทศก่อน แต่เท่าที่ได้หารือทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เว้นข้อ 5 คือ ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากต้องให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้พิจารณา รัฐบาลไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลจึงปล่อยให้การปะทะกันระหว่างพระสงฆ์กับทหารเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราได้ชี้แจงกับฝ่ายพระสงฆ์แล้ว พระท่านต้องรู้ว่าพระท่านควรต้องทำอย่างไร ตนคงไม่ต้องไปบอกเพราะท่านได้บวชเรียนมาแล้ว จะไปพูดมากก็เท่านั้น พระต้องรู้ว่าท่านบวชมาทำไม

เมื่อถามย้ำว่า ทางตัวแทนฝ่ายพระสงฆ์รับปากหรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และทางมหาเถรสมาคม (มส.) ต้องรู้ว่าอะไรยังเป็นความขัดแย้งกันอยู่ ก็ต้องพิจารณากันไป ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูภาพรวมทั้งหมด

ADVERTISMENT

“ไม่ใช่ว่าอยากโปรดเกล้าฯ ก็โปรดเกล้าฯ กันเลย ก็ต้องดูให้ถี่ถ้วนก่อน ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ มีระเบียบอยู่แล้ว ที่ทาง มส.เสนอมติมา ทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องพิจารณา ก่อนที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล หากยังมีความขัดแย้งใครก็คงไม่กล้านำความขึ้นกราบบังคมทูล ทุกอย่างต้องสงบก่อน หากสงบแล้วทุกอย่างก็จะเดินไปตามกติกา หากมัวแต่ทะเลาะกันทุกอย่างก็ไม่เดินตามกติกา” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลรับข้อเสนอฝ่ายพระสงฆ์เป็นนัยยะบอกว่าจะรีบจัดการตามข้อเสนอดังกล่าว โดยเฉพาะให้รีบแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ ไม่ได้ผูกมัดอะไร เรื่องนี้ต้องบปล่อยให้นายกรัฐมนตรีใช้วิจารณญานของท่านพิจารณา ไม่ต้องเจรจากับใคร เพราะเดี๋ยวทันก็จบ ขอให้ทุกคนใจเย็นไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร เดี๋ยวรัฐบาลค่อยๆ ทำ สื่อไม่ต้องชี้นำหรือแนะมากนัก”

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงจะมีการปรับวิธีการทำความเข้าใจกับพระสงฆ์หลังเกิดเหตุปะทะกับฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เกิดขึ้นครั้งเดียวจะไปปรับทำไม จะให้ปรับกับพระมีที่ไหน ตนได้คุยกับฝ่ายพระสงฆ์ก็เรียบร้อยแล้ว เพราะทางพระสงฆ์เองก็ตั้งใจจะไปสวดมนต์ที่พุทธมณฑลไม่ได้ตั้งใจจะไปชุมนุม ส่วนทหารเองก็ไม่มีอะไรที่ไม่เข้าใจ ทหารต้องการอย่างเดียวคือเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ส่วนที่เกิดความเข้าใจผิดเพราะทหารต้องการให้เข้าที่ประตูทางเดียว เพื่อป้องกันเหตุระเบิด ซึ่งพระท่านอาจไม่พกระเบิด แต่คนอื่นเราไม่รู้

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกลัวหรือไม่ว่าจะมีสีเสื้อหรือการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว เท่าที่ฟังพระท่านก็อธิบายเราก็เข้าใจเพียงแต่อยากจะให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลเร็วขึ้น นายกรัฐมนตรีก็พิจารณาอยู่ เรื่องของลูกกลมๆ มองได้หลายแบบหลายด้าน นายกฯต้องดูให้ครบทุกด้าน เพราะถ้าดูไม่ครบหากผิดพลาดก็แก้ตัวไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ตัดสินใจได้ครั้งเดียว เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ พล.อ.ประวิตรกล่าวยอมรับว่าใช่ เราต้องทำตามกติกา สุดท้ายก็เป็นพระราชอำนาจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางฝ่ายพระสงฆ์โดยพระเมธีธรรมาจารย์ ระบุว่าหากรัฐบาลไม่ทำตามเรียกร้องจะกลับมาเคลื่อนไหวชุมนุมอีกครั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เท่าที่หารือไม่ได้ยิน ไม่มีข้อเรียกร้องนี้ พระท่านไม่ได้พูด ทุกอย่างต้องรอให้นายกรัฐมนตรีกลับมาก่อน ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอน” เมื่อถามว่า มั่นใจว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีใข่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ดี จะไม่ดีได้อย่างไร ดีทั้งหมดนั่นแหละ โดยส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเพราะตนมีสื่อเป็นพรรคพวกอยู่